Menu
ไอน์สไตน์กล่าวว่า “ดอกเบี้ยทบต้น (Compound interest) คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสิ่งที่ 8 คนไหนที่เข้าใจมัน ก็จะได้รับมันไป ใครที่ไม่เข้าใจ ก็จะต้องเสียมันไป”
ดอกเบี้ยทบต้น คือ การที่เรานำเอาผลตอบแทน เช่นดอกเบี้ย เงินปันผล นำไปลงทุนต่อเพื่อให้เกิดผลตอบทุนที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นในระยะยาว เราลองมาดูตัวอย่างกันครับ
น่าโชคร้ายที่ดอกเบี้ยทบต้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อในช่วง 20 ปีแรก หรือนานกว่านั้น แต่ว่าการทบต้นก็เป็นเพื่อนสนิทของการลงทุน เราลองสมมติสถานการณ์กันเถอะว่าการทบต้นทำหน้าที่อย่างไร และเหตุผลอะไรที่ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็นสิ่งที่ 8 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก??
เมื่อเราได้ลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนที่เราจะได้รับนั้นจะมาในรูปแบบกำไรจากการขาย การขึ้นราคาของหุ้น หรือปันผลในกรณีที่บริษัทได้แบ่งผลกำไรมาให้กับผู้ถือหุ้น การที่เราลงทุนและลงทุนกลับไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นวิธีการทำเงินจากการทบต้นเช่นเดียวกัน
แนวทางนี้ไม่ได้หมายถึงว่าเราควรจะซื้อขายตอนไหนอย่างไร แต่จะพูดในแง่ที่ว่าดอกเบี้ยทบต้นทำความมั่งคั่งให้กับเราได้อย่างไร สมมติว่าเราลงทุน 100 ดอลลาร์ในพอร์ตหุ้นโลก ในตอนท้ายของปี 1987 และลองเปรียบเทียบ 3 สถานการณ์:
ขั้นต้น เรามาลองดูกันว่าจำนวนเงินที่เราจะได้รับในปัจจุบันเป็นเท่าไร สำหรับสามสถานการณ์:
ในสถานการณ์แรก (สีแดง) หากเรายังนำเงินปันผลไปลงทุนต่อ(ใช้วิธีดอกเบี้ยทบต้น) และยังลงทุนต่อไปเรื่อยๆ ปัจจุบันมูลค่าความมั่งคั่งจะเป็น 1,042 ดอลลาร์ สำหรับสถานการณ์ที่สอง (สีฟ้า) ในกรณีที่เราไม่ได้นำเงินปันผลมาลงทุนต่อ ปัจจุบันเราจะมีเงินอยู่ 509 ดอลลาร์ แต่ถ้าเราถอนเงินที่ได้รับออกมาทั้งหมด (สีเขียว) ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผลหรือผลกำไร เราจะมีเงินเท่ากับจำนวนเงินแรกที่เราเริ่มลงทุน เราจะเห็นได้ถึงความแต่แตกต่างว่าการที่เรานำผลตอบแทนไปลงทุนต่อ กับ ถอนออกมา มีความแตกต่างๆกันเป็นเท่าตัว ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี่คือ สิ่งที่เราเรียกว่า ดอกเบี้ยทบต้น หรือ อาจจำเรียกได้ว่า ผลตอบแทนทบกับเงินต้น นั่นเอง
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกรณีที่เรานำเงินปันผล หรือนำทั้งเงินปันผลและผลกำไรออกมาจากพอร์ต แต่ความมั่งคั่งโดยรวมก็ยังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเคสนี้เราจะมาดูสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่งสะสม ซึ่งเป็นการคำนวณจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับตลอดระยะเวลาที่เราลงทุนในตอนท้ายปี 1987
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีกรณีที่เรานำเงินปันผล หรือนำทั้งเงินปันผลและผลกำไรออกมาจากพอร์ต แต่ความมั่งคั่งโดยรวมก็ยังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเคสนี้เราจะมาดูสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่งสะสม ซึ่งเป็นการคำนวณจำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับตลอดระยะเวลาที่เราลงทุนในตอนท้ายปี 1987
เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการทบต้น ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสิ่งที่ 8 นี้ เราจำเป็นต้องลงทุนระยะยาว และต้องนำเงินปันผลไปลงทุนอีกรอบหรือลงทุนซ้ำ และอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญคือ เราไม่ควรลงทุนเพียงแค่ 100 ดอลล่าร์ แต่ว่าเราควรใส่เงินในพอร์ตให้มากขึ้นและสม่ำเสมอ คุณคงไม่ต้องการจบลงด้วยการมีเงินไม่เพียงพอใช้สำหรับชีวิตตอนชรา หรือพบกับความเสี่ยงประเภท Shortfall risk สำหรับคนทุกคน เราควรใส่เงินในพอร์ตเป็นประจำทุกเดือนเมื่อได้รับเงินเดือน และควรตระหนักถึงการเพิ่มการลงทุนเมื่อคุณได้รับเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
วิธีที่จะได้รับเงินจากการทบต้นมากที่สุด มีวิธีปฏิบัติอยู่ 3 วิธี:
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่หลายๆ คนสามารถหาเหตุผลเพื่อเลื่อนการลงทุนในตอนนี้ หรือเลื่อนการเพิ่มเงินลงทุนสม่ำเสมอในพอร์ต หนึ่งในสาเหตุอาจมาจากการที่ตลาดแพงเกินไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราลงทุนในระยะยาว สิ่งที่เราเห็น หรือเกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเพียงเท่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป อย่างก็ตามไม่ได้บอกว่าไม่ควรระมัดระวังในการลงทุน แต่สิ่งที่ควรรู้คืออย่าหลง หรือวิตกกับความผันผวนจนเกินไป
ประเด็นหลักของบทความนี้คือต้องการสื่อถึงผลตอบแทน หรือดอกเบี้ยทบต้นที่มีเงินที่ได้รับแบบฟรีๆ อีกเยอะให้เราได้สะสม ถ้าไม่เริ่มลงทุน คุณจะไม่ได้รับประโยชน์จากการทบต้นเลย
สรุปหัวใจหลักของดอกเบี้ยทบทุนคือ เวลา และการอดทนรอผลที่สุกงอม การสร้างความมั่งคั่งนั้นใช้เวลานาน แต่ผลลัพท์ที่ออกมาจะงดงาม และคุ้มค่ากับการรอคอย
ที่มา : becomeabetterinvestor
