fbpx
Search
Close this search box.

มือใหม่ต้องรู้! แอปจ่ายเงินดิจิทัลคืออะไร ใช้งานอย่างไรให้ปลอดภัยและคุ้มค่า

แอปจ่ายเงินดิจิทัล, มือใหม่, วิธีใช้งาน, ความปลอดภัย, ความคุ้มค่า

         ปัจจุบัน การใช้ชีวิตของผู้คนถูกย่อขนาดลงจนสามารถดำเนินต่อไปได้ผ่านสมาร์ทโฟนเพียงหนึ่งเครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวิกฤตโควิด 19 ที่ทำให้การดำเนินการของกิจการห้างร้านต่าง ๆ ต้องปรับตัว จนผู้คนสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายได้ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านวิธีการยุ่งยากอย่างที่ผ่านมา

         แน่นอนว่าการใช้จ่ายเองก็เช่นกัน เงินสดได้ลดบทบาทลงอย่างมาก การจับจ่ายใช้สอยได้เปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการใช้งานมากขึ้น ทั้งรูปแบบการบริโภคของคนในปัจจุบันยังเปลี่ยนแปลงไปมาก และคำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้เงินมากขึ้น ในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยุคสมัยใหม่ได้นำพาเราเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ซึ่งมี แอปพลิเคชันจ่ายเงินดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ

          บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโลกของการชำระเงินแบบดิจิทัล ว่าแอปพลิเคชันจ่ายเงินดิจิทัลคืออะไร สำรวจประเภทหลักๆ ที่มีอยู่ในตลาด และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้งานอย่างง่ายดายและปลอดภัย เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวทันเทคโนโลยีและใช้ประโยชน์จากความสะดวกสบายนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Table Topic

  •         แอปจ่ายเงินดิจิทัลคืออะไร?
  •         คุณสมบัติหลักของแอปจ่ายเงินดิจิทัล
  •         แอปจ่ายเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง?
  • ·      วิธีการใช้งานแอปจ่ายเงินดิจิทัล

แอปจ่ายเงินดิจิทัลคืออะไร?

            แอปจ่ายเงินดิจิทัล คือ แอปพลิเคชันที่เก็บข้อมูลการใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้ในรูปแบบดิจิทัล ช่วยให้เราทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตจริง แอปเหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่เก็บเงินออนไลน์หรือเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต
            ซึ่งทำให้ผู้ใช้จ่ายสามารถชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้สะดวกสบาย ปลอดภัย และรวดเร็ว ผ่านอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ทุกที่ ทั้งยังสามารถใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการ รวมถึงชำระบิลต่างๆ ได้ทั้งในรูปแบบ บัตรเครดิต บัตรเดบิต คูปองส่วนลด ตลอดจนบัตรของขวัญต่าง ๆ

คุณสมบัติหลักของแอปจ่ายเงินดิจิทัล

      ความสะดวกสบาย เมื่อมีแอปจ่ายเงินดิจิทัล ก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด บัตรเครดิต หรือกระเป๋าสตางค์อีกต่อไป ทั้งการใช้จ่ายหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ ยังสามารถทำได้ง่ายดาย เช่น การจ่ายเงินที่ร้านค้า การจ่ายบิล การโอนหรือถอนเงิน เป็นต้น

      ความปลอดภัย เมื่อไม่จำเป็นต้องพกเงินสดหรือบัตรจริง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะทำให้สิ่งเหล่านี้สูญหาย ทั้งการใช้จ่ายยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา เช่น การสแกนหน้า การใส่รหัส PIN เป็นต้น

      การจัดเก็บข้อมูล เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเสริมในการใช้จ่าย ทำให้แอปจ่ายเงินออนไลน์นี้สามารถบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ ปลอดภัย และง่ายต่อการใช้งาน เช่น บันทึกบัตรเดบิต บัตรเครดิต บัตรของขวัญ บัตรสะสมคะแนน เป็นต้น นอกจากนี้ในบางแอปพลิเคชันยังสามารถช่วยบันทึกเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไว้ได้อีกด้วย

      ความหลากหลายในการชำระเงิน เมื่อข้อมูลที่จำเป็นต่อการชำระเงินถูกจัดเก็บไว้ในสมาร์ทโฟนแล้ว ทำให้การใช้จ่ายเองก็สามารถทำได้หลากหลายมากขึ้น ในการซื้อสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินที่หน้าร้าน หรือการชำระเงินออนไลน์ ก็สามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การสแกนคิวอาร์โค้ด การแตะโทรศัพท์เพื่อชำระ การสแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน เป็นต้น

แอปจ่ายเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง?

          ปัจจุบันแอปพลิเคชันจ่ายเงินออนไลน์นั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้ในประเทศไทย และแอปพลิเคชันระดับสากล โอยแต่ละแอปจะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ผู้ใช้งานมักเลือกใช้แอปสำหรับใช้จ่ายนี้ตามการใช้งานที่ตอบโจทย์ของตนเอง ตัวอย่างแอปพลิเคชันชำระเงินแบบดิจิทัล เช่น

1.แอปพลิเคชันธนาคารต่าง ๆ

แอปพลิเคชันจ่ายเงินดิจิทัลจากธนาคารในประเทศไทยมีหลายแอปพลิเคชัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของโมบายแบงก์กิ้งที่พัฒนาให้ใช้งานง่ายและครอบคลุม แอปพลิเคชันที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่

  • K PLUS (ธนาคารกสิกรไทย): แอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมสูง มีฟังก์ชันครบครันสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน และยังรองรับการชำระเงินแบบ QR Code (PromptPay) ได้อย่างราบรื่น
  • SCB EASY (ธนาคารไทยพาณิชย์): เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานจำนวนมากนิยมใช้ มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับการชำระเงินดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ
  • Krungthai NEXT และเป๋าตัง (ธนาคารกรุงไทย): แอปพลิเคชันสำหรับทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารกรุงไทยโดยตรง
  • Bualuang mBanking (ธนาคารกรุงเทพ): แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับแอปพลิเคชันของธนาคารอื่นๆ นอกจากนี้ ธนาคารยังรองรับการใช้งาน Google Wallet สำหรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส
  • Krungsri Mobile App (KMA) (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา): แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าธนาคารกรุงศรีฯ ที่มีฟังก์ชันการทำธุรกรรมทางการเงินครบถ้วน
  • TTB TOUCH (ธนาคารทหารไทยธนชาต): แอปพลิเคชันโมบายล์แบงก์กิ้งสำหรับลูกค้าทีทีบี 

 

2.แอปพลิเคชัน E-Wallet

แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัล (e-wallet) ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีหลายแอปพลิเคชัน นอกเหนือจากแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งของธนาคาร แอปพลิเคชันเหล่านี้ให้บริการโดยบริษัทเอกชนและมีจุดเด่นแตกต่างกันไป

อย่าง TrueMoney Wallet ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างมากในประเทศไทย หรือ ACU PAY E-Wallet ซึ่งเป็นแอปจ่ายเงินดิจิทัลในรูปแบบกระเป๋าเงินใช้จ่ายออนไลน์น้องใหม่ แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็มีฟังก์ชันและโปรโมชันมากมายที่เอื้อต่อการใช้งานของผู้ใช้งาน

 

3.แอปพลิเคชันจ่ายเงินดิจิทัลจากรัฐบาล

แอปพลิเคชัน ทางรัฐ (Government Super App) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหลักที่ใช้สำหรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐบาล เช่น โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท และยังมีอีกแอปที่เกี่ยวข้องคือ แอปพลิเคชันรัฐจ่าย ซึ่งใช้สำหรับตรวจสอบสิทธิรับเงินสวัสดิการ โดยในอดีตมีการใช้ แอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับโครงการของรัฐบาล แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้แอปพลิเคชันทางรัฐแทน

 

4.แอปจ่ายเงินดิจิทัลระดับสากล

Google Pay: บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ Android ที่ได้รับความนิยม

         PayPal: บริการชำระเงินออนไลน์และโอนเงินระดับสากล

         Apple Pay: บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ Apple (iPhone, Apple Watch ฯลฯ) แม้จะจำกัดไว้เฉพาะผู้ใช้อุปกรณ์ในเครือ แต่ก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

         Samsung Pay: บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับอุปกรณ์ Samsung ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งบนอุปกรณ์มือถือ นาฬิกาข้อมือ และอื่น ๆ

 

5.แอปกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลของต่างประเทศ

Alipay: บริการจาก Alipay ในฮ่องกง (AlipayHK) ที่ใช้ชำระเงินและโอนเงินระหว่างประเทศ

KakaoPay: แอปยอดนิยมจากเกาหลีใต้ สามารถใช้จ่ายค่าสินค้าและบริการ รวมถึงรับการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดในร้านค้าที่รองรับในไทย

         GCash: แอปพลิเคชันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ใช้สำหรับซื้อสินค้า, โอนเงิน และชำระบิล

         Touch’n Go: แอปพลิเคชันชำระเงินในร้านค้าและระบบขนส่งในมาเลเซีย

 

         6.แอปกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลอื่น ๆ

แอปจ่ายเงินดิจิทัลที่แตกแขนงมาจากบริการหรือแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิม เช่น ShopeePay ที่แยกตัวออกมาจากแอปพลิเคชัน Shopee, และ Rabbit Line Pay ที่พัฒนามาจากแอปพลิเคชัน LINE 

         ShopeePay: เป็นแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่แยกออกมาจาก Shopee โดยมีเดิมใช้ชื่อว่า AirPay ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น ShopeePay

         Rabbit Line Pay: พัฒนาต่อยอดมาจากแอปพลิเคชัน LINE เพื่อเป็นช่องทางชำระเงินดิจิทัลที่ครบวงจรมากขึ้น

 

7.ระบบ PrompPay

         นอกจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้าวต้นแล้ว ในประเทศไทยยังมีระบบการใช้จ่ายผ่านทางดิจิทัลที่ช่วยให้การใช้งานแอปจ่ายเงินดิจิทัลสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ PromptPay หรือพร้อมเพย์

พร้อมเพย์ เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของประเทศไทยที่พัฒนาขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อให้การโอนและรับเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถผูกบัญชีธนาคารเข้ากับตัวระบุตัวตน เช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชน แทนการใช้เลขที่บัญชีธนาคารที่ยาวและจดจำยาก

วิธีการใช้งานแอปจ่ายเงินดิจิทัล

         การใช้งานแอปพลิเคชันจ่ายเงินดิจิทัลส่วนใหญ่มีขั้นตอนพื้นฐานที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันของธนาคารหรือ e-wallet โดยหลักการใช้งานจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การสมัครและยืนยันตัวตน, การเติมเงิน และการชำระเงิน 

ขั้นตอนที่ 1: การสมัครและยืนยันตัวตน

  1. ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน จาก App Store (สำหรับ iOS) หรือ Google Play Store (สำหรับ Android)
  2. ลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีผู้ใช้ โดยกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล
  3. ยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยของธุรกรรม ผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนด้วยวิธีที่แอปกำหนด เช่น การถ่ายรูปบัตรประชาชนหรือสแกนใบหน้า
  4. ตั้งรหัสผ่าน หรือ PIN เพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชันและยืนยันการทำธุรกรรม 

ขั้นตอนที่ 2: การเติมเงินเข้ากระเป๋า

หลังจากยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว ผู้ใช้งานต้องมีเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อใช้จ่าย โดยมีหลายวิธีให้เลือก ดังนี้

  • ผูกบัญชีธนาคาร: เชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับบัญชีธนาคารเพื่อโอนเงินเข้า-ออกได้อย่างสะดวก
  • เติมเงินที่เคาน์เตอร์บริการ: เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven หรือจุดบริการอื่นๆ ที่แอปพลิเคชันกำหนด
  • โอนเงินระหว่างบัญชี: ผู้ใช้แอปพลิเคชันเดียวกันสามารถโอนเงินให้กันได้ง่ายๆ 

ขั้นตอนที่ 3: การชำระเงิน

เมื่อมีเงินในกระเป๋าแล้วก็พร้อมที่จะใช้จ่าย โดยวิธีการที่นิยมคือ 

สแกนจ่าย QR Code

1.เข้าเมนู “สแกน” ในแอปพลิเคชัน

2.ใช้กล้องโทรศัพท์สแกน QR Code ของร้านค้า

3.ใส่จำนวนเงินที่ต้องชำระ (หากไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า)

4.ยืนยันการชำระเงินด้วยรหัส PIN

ชำระเงินออนไลน์

1.เมื่อเลือกสินค้าในแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ออนไลน์แล้ว ให้เลือกวิธีการชำระเงินด้วย e-wallet

2.ระบบจะนำไปยังแอปพลิเคชัน e-wallet เพื่อยืนยันการชำระเงิน

การใช้งานแอปจ่ายเงินดิจิทัลช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการทำธุรกรรมต่างๆ ทำให้ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก และสามารถทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังเพิ่มความปลอดภัยในการใช้จ่ายด้วยระบบป้องกันหลายชั้น สามารถติดตามและควบคุมการใช้จ่ายได้ง่ายจากประวัติการทำรายการ รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ และโปรโมชันพิเศษจากร้านค้าพันธมิตรต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความคุ้มค่า และประสิทธิภาพในการจัดการการเงินส่วนบุคคลอีกด้วย

“แอปจ่ายเงินดิจิทัลได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้การใช้จ่ายสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย ด้วยฟังก์ชันที่ครอบคลุมตั้งแต่การโอนเงินไปจนถึงการจ่ายบิล การเข้าถึงบริการทางการเงินจึงง่ายดายเพียงปลายนิ้ว การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่มอบประโยชน์ส่วนตัวในแง่ของการควบคุมค่าใช้จ่ายและการเข้าถึงโปรโมชัน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสดในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่