fbpx
Search
Close this search box.

เเบงค์ชาติจีนทำไมถึงหยุดซื้อทอง

ราคาทอง พุ่งนิวไฮ ฉุด “แบงก์ชาติจีน” ยุติซื้อทองคำสำรองครั้งแรกในรอบ 18 เดือน โดยธนาคารกลางจีนถือครองทองคำแท่งที่ 72.80 ล้านทรอยออนซ์ในเดือนพฤษภาคม 2567 วันนี้ เอซียู เพย์จะมาเล่าให้ฟังกันว่า ทำไมเเบงค์ชาติจีนถึงหยุดที่จะซื้อทองเเละอนาคตราคาทองจะเป็นอย่างไรกัน

เนื้อหา

แบงก์ชาติจีนหยุดตุนทองคำเพิ่ม

ข้อมูลจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า สาเหตุที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงหนักเมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. นั้นมาจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ระงับการซื้อทองเข้าสู่กองทุนสำรองในเดือนพ.ค. หลังจากที่ได้ซื้อติดต่อกันเป็นเวลา 18 เดือน จนส่งผลต่อราคาทองสปอตพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว ทองคำได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และเมื่อมีการรายงานข่าวดังกล่าวออกมา ก็ส่งให้เกิดแรงเทขายในทองคำจนราคาร่วงลงมาถึง 1.5%

ข้อมูลของทางการจีนระบุว่า จีนได้ถือครองทองจำนวน 72.80 ล้านทรอยออนซ์ ณ สิ้นเดือนพ.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นเดือนเม.ย. ขณะที่มูลค่าทองคำสำรองของจีน ณ สิ้นเดือนพ.ค.พุ่งสู่ระดับ 1.7096 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.6796 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนเม.ย.

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาจาก ความต้องการซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนเป็นผู้ซื้อทองมากที่สุดในปี 2566 โดยซื้อสุทธิ 7.23 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดภายในปีเดียวนับตั้งแต่ปี 2520

โดยในเดือนพฤษภาคม 2567 ทองคำทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นั้นมีแรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความต้องการทองคำแท่งของธนาคารกลางจีนที่พยายามเพิ่มทุนสำรองและป้องกันการอ่อนค่าของเงินหยวน

เเล้วทำไมจีนถึงต้องตุนทองคำ ?

โดยหลัก ๆ การซื้อทองคำของธนาคารกลางเป็นการกระจายสมดุลของทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปแบบหนึ่ง  เพราะทองคำเป็นสิ่งของที่มูลค่าไม่ค่อยตกเเถมยังจะมีปริมาณที่ลดลงเรื่อย ๆ ในทุกวัน เเละลดความเสี่ยงจากความผันผวนของสกุลเงินดอลลาร์หรือสกุลเงินท้องถิ่น และลดความเสี่ยงจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ภูมิรัฐศาสตร์โลกและเงินเฟ้อ แม้ว่าทองคำจะยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมากในทุนสำรองก็ตาม

ที่ผ่านมา จีนพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐเป็นหลักในการทำการค้ากับทั่วโลก โดยมีทุนสำรองระหว่างมากที่สุดในโลกถึงกว่า 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ (มี.ค. 2567) ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นสินทรัพย์ในสกุลดอลลาร์ เช่น เงินสด เงินฝาก พันธบัตร และตั๋วเงิน และจีนยังถือครองตราสารหนี้สหรัฐมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากญี่ปุ่น

จุดประสงค์อะไรบ้างที่ทำให้จีนต้องหยุดตุนทองคำ

1.ในช่วงสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งยืดเยื้อมาตั้งเเต่สมัยก่อน และกำลังยกระดับขึ้นหลังจากการมาถึงของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีส่งออกสำคัญของจีน เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ รวมไปถึงการขยายวงกว้างไปสู่ยุโรป ซึ่งมีการพิจารณาเพิ่มกำแพงภาษีต่อสินค้าจากจีนตามสหรัฐด้วย ซึ่งการยกระดับและขยายวงของสงครามการค้าส่งผลกดดันต่อกระแสเงินทุนในหลายด้าน หรือเเม้เเต่ตลาดโลกที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา

2. มูลค่าเงินทองมีดอกเบี้ยในสหรัฐสูงกว่าจีน ซึ่งส่งผลกดดันให้เงินทุนไหลออก ผ่านหลายช่องทาง เช่น ผู้ส่งออกจีน ซึ่งได้รับเงินดอลลาร์ อาจเลือกคงเงินไว้ในต่างประเทศเพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงกว่า แทนที่จะแลกกลับเป็นเงินหยวนในทันที ในขณะที่ผู้นำเข้าที่ต้องจ่ายเงินดอลลาร์ในอนาคต ก็อาจเลือกแลกเงินเป็นดอลลาร์ล่วงหน้าในปริมาณมากขึ้นจีนจึงเน้นเก็บทองเพื่อนำมาเกร็งกำไรในอนาคตเพื่อหวังผลระยะยาวที่ดีกว่า

3.ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ที่นำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ ความเสี่ยงหนี้เสียในภาคธนาคาร รวมไปถึงตลาดหุ้นที่ซบเซาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้การลงทุนในตลาดทุนจีนนั้นไม่ได้เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติถึงเเม้ว่าจะเป็นเเผนดินใหญ่เเละเหมาะเเก่การมาลงทุนเพราะเป็นเเหล่งทางการค้าด้วย

การซื้อทองที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 17 เดือนติดต่อกันแม้จะเป็นช่วงราคาแพงและหลายประเทศทยอยเทขาย ยังสามารถสะท้อนว่าจีนดำเนินการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวของประเทศ และอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องด้วย โดยปัจจุบัน ทองคำยังมีสัดส่วนแค่ประมาณ 4% ของทุนสำรองฯ จีนเท่านั้นเอง

เเหล่งอ้างอิง

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่