fbpx

种税有多种类型?了解每种税和相关注意事项

税收是政府管理国家资源和财政的重要工具。税收可分为两大类:直接税和间接税。本期 ACU PAY 将为您详细介绍每种类型的税收、主要特点及相关注意事项。

เนื้อหา

ภาษีทางตรง

ภาษีทางตรงคือภาษีที่เก็บจากบุคคลธรรมดาหรือบริษัทที่มีรายได้จากการประกอบอาชีพและกิจการต่างๆ โดยมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax)

ลักษณะเด่น :

  • วีธีการจัดเก็บภาษี : ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะถูกเก็บจากรายได้ของประชาชน เช่น เงินเดือน, ค่าตอบแทน, กำไรจากการลงทุน และรายได้อื่นๆ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
  • การคำนวณ : ใช้ระบบการจัดเก็บที่เป็นแบบก้าวหน้า (Progressive Tax) หมายความว่า อัตราการเก็บภาษีจะเพิ่มขึ้นตามระดับรายได้ที่สูงขึ้น
  • การยื่นภาษี : ผู้มีรายได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในเดือนมกราคม ถึงมีนาคมของปีถัดไป เพื่อทำการคำนวณภาษีที่ต้องชำระในปีนั้นๆ

ข้อควรระวัง :

  • การวางแผนภาษี : ผู้เสียภาษีควรทำการวางแผนภาษีอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีเกิน โดยการใช้สิทธิเพื่อการหักลดหย่อนที่กฎหมายอนุญาต 
  • การรายงานรายได้ : ควรทำการรายงานรายได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการแจ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งโดยปกติผู้คนส่วนใหญ่ก็คำนวนให้มันเกินหรือมากกว่าไปนิดหน่อยไปทั้งอย่างนั้นเลย เพราะอาจะถูกค่าปรับเพิ่มเติมในกรณีที่การคำนวนนั้น น้อยกว่าที่สรรพากรเรียกจ่ายนั่นเอง

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)

ลักษณะเด่น :

  • วีธีการจัดเก็บภาษี : ภาษีเงินได้นิติบุคคลจะถูกจัดเก็บจากเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งรวมถึงกำไรจากการดำเนินธุรกิจ
  • อัตราภาษี : อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลมักจะมีการกำหนดที่จัดเจนแน่นอนและแตกต่างกันไปตามประเภทของบริษัทและขนาดของธุรกิจ

ข้อควรระวัง :

  • การบันทึกบัญชี : บริษัทควรมีระบบการบันทึกบัญชีที่ถูกต้องและโปร่งใส เพื่อให้การคำนวณภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ
  • การวางแผนภาษี : บริษัทควรวางแผนภาษีระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการภาษีและลดภาระภาษีโดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม

ภาษีทางอ้อม

ภาษีทางอ้อมคือภาษีที่จัดเก็บจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการต่างๆ ซึ่งมักจะสะท้อนในราคาของสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคต้องจ่ายไม่ว่าจะจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจนไปถึงการทำธุรกิจเฉพาะ ซึ่งประกอบด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรสแตมป์

1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax, VAT)

ลักษณะเด่น :

  • วีธีการจัดเก็บภาษี : ภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกเรียกเก็บจากผู้ขายสินค้าและบริการ โดยปกติแล้วจะถูกบวกลงในราคาของสินค้าและบริการที่ 7%
  • การจัดการ : ผู้ประกอบการต้องจัดเก็บภาษีจากลูกค้าและส่งมอบให้แก่รัฐ

ข้อควรระวัง :

  • การปฏิบัติตามกฎหมาย : ผู้ประกอบการควรปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับ VAT เช่น การออกใบกำกับภาษีและการรายงานภาษีอย่างถูกต้อง
  • ผลกระทบต่อราคาสินค้า : VAT อาจทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax)

ลักษณะเด่น :

  • วีธีการจัดเก็บภาษี : ภาษีธุรกิจเฉพาะจะถูกเก็บจากกิจกรรมธุรกิจเฉพาะ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจบันเทิง, หรือธุรกิจการพนัน เป็นต้น
  • การจัดการ : มักจะมีกฎหมายและข้อบังคับที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละประเภทธุรกิจ

ข้อควรระวัง :

  • การตรวจสอบข้อกำหนด : เจ้าของธุรกิจต้องตรวจสอบข้อกำหนดและข้อบังคับเกี่ยวกับภาษีธุรกิจเฉพาะอย่างเคร่งครัด

3. อากรสแตมป์ (Stamp Duty)

อากรแสตมป์เป็นภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง จัดเก็บจากการกระทำ ตราสาร 28 ลักษณะ ตามที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราอากรแสตมป์

ลักษณะเด่น :

  • วีธีการจัดเก็บภาษี : อากรสแตมป์จะถูกเก็บจากการทำตราสารหรือเอกสารทางการเงิน เช่น สัญญาการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, สัญญาเช่า, หรือเอกสารทางธุรกิจ
  • การคำนวณ : ค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับประเภทของเอกสารและมูลค่าของธุรกรรม

ข้อควรระวัง :

  • การจัดการเอกสาร : ผู้ที่ทำการทำตราสารต้องมั่นใจว่าได้จัดทำเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือปัญหาทางกฎหมาย

โดยรวมแล้ว

การเข้าใจประเภทของภาษีและลักษณะเด่นของแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรู้ข้อควรระวังที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและทำให้การจัดการทางการเงินของคุณราบรื่นขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่