Menu
หลายคนมักลงทุนแบบไม่มีเป้าหมาย ซื้อกองทุนเพียงเพื่อลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจนโยบายการลงทุนเเละหาข้อมูล หรือเป้าหมายตัวเอง สุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่เป็นไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ดังนั้นเราควรเลือกการลงทุนให้ตรงกับเป้าหมายของเรา เพราะจุดมุ่งหมายการลงทุนของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่างเช่น เป้าหมายเพื่อการเกษียณ ก็ควรลงทุนใน หุ้นระยะยาว หรือ บางคนมีเป้าหมายเพื่อเก็บเงินระยะสั้นภายในเวลา 2-3 ปี ก็ควรลงทุนใน หุ้นน้อย เเละไปเพิ่มส่วนของการลงทุนใน ตราสารหนี้ หรือการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เป็นต้น
ข้อผิดพลาดที่ใครหลายคนมองข้าม คือ การไม่วางแผนเวลาลงทุน เพราะฉะนั้นเราต้องวางแผนการจัดสรรพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะสมตามเป้าหมายที่ต้องการ กระจายความเสี่ยงไปยังทรัพย์สินหลาย ๆ ประเภท ไม่ว่าจะลงทุนเกี่ยวกับ เเบรนด์เนม อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ต่าง ๆ ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน เช่น หุ้นไทย และ หุ้นต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนทิศทางของทรัพย์สิน ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญการจัดพอร์ตการลงทุนจะต้องมีความสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่มีอยู่ อาจจะทำให้พลาดเป้าหมายของการเงินได้ เเละทำให้การขาดทุนได้
นักลงทุนมือใหม่ มักเข้าใจผิด คิดว่ากองทุนรวมมีการเปลี่ยนแปลงราคาเหมือนกับหุ้น จึงมักเทียบราคาในระยะสั้น ๆ ทำให้เกิดความกังวลต่าง ๆ แต่ความจริงแล้ว กองทุนรวมนั้นมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท และผู้จัดการกองทุนจะทำการปรับพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ ราคาหุ้นแต่ละตัวอาจมีขึ้นลง แต่ราคาของกองทุนรวมจะไม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหมือนหุ้น ดังนั้น นักลงทุนไม่ควรซื้อขายกองทุนรวมตามราคาในระยะสั้น ควรเน้นลงทุนระยะยาวและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน
การปรับพอร์ตการลงทุน คือ การปรับพอร์ตสินทรัพย์การลงทุนให้กลับมาอยู่ในสัดส่วนที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนในอัตราที่กำหนดไว้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ตลอดจนเป็นการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนให้กลับมาอยู่ในจุดที่รับไหว การปรับพอร์ตการลงทุนยังเป็นเทคนิคการลงทุนที่มีความคล่องตัวสูง นักลงทุนจึงสามารถนำมาปรับใช้ได้กับเป้าหมายการลงทุนทุกระยะ อีกทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน โดยนักลงทุนสามารถปรับสัดส่วนพอร์ตการลงทุนได้ทั้งในขณะที่กำลังลงทุนอยู่ หรือ จะวางแผนปรับสัดส่วนสินทรัพย์ก่อนที่จะจบวันลงทุนก็ได้เช่นกัน
นักลงทุนหลายคน มักเปรียบเทียบผลตอบแทนของกองทุนแต่ละประเภท โดยไม่คำนึงถึงสินทรัพย์หลักที่ลงทุนไว้ในกองทุนนั้น ๆ ซึ่งการเปรียบเทียบกองทุนข้ามประเภท ก็เปรียบเสมือนการเปรียบเทียบผลไม้กับผัก
แต่การเปรียบเทียบกองทุนที่ถูกต้อง นั้นควรเปรียบเทียบกองทุนที่มีสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน ภายใต้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เปรียบเทียบกองทุนสองกองที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี เปรียบเทียบผลตอบแทนระยะยาว ค่าธรรมเนียม และความเสี่ยง วิธีนี้จะทำให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและช่วยเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
