fbpx
Search
Close this search box.

ส่องปัจจัยดันราคาทองคำพุ่งทะยาน ปี 2568-2569

ราคาทองคำ, ปัจจัยทองคำ, แนวโน้มทอง

         ในช่วงปลายปี 2568 ตลาดทองคำทั่วโลกกำลังร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราคาทองคำพุ่งทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,179 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เพิ่มขึ้นกว่า 59% จากต้นปี

ขณะที่ในประเทศไทย ราคาทองคำแท่ง 96.5% ทะยานแตะ กว่า 62,000 บาทต่อบาททองคำ สะท้อนแรงซื้อจากนักลงทุนที่ต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

3 ปัจจัยหลักที่หนุนราคาทองคำให้พุ่งสูง

1.ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 30% เป็น 130% และประกาศควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีสำคัญ จีนตอบโต้ทันที ทำให้ตลาดกังวลว่าสงครามการค้าอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง ความไม่แน่นอนนี้จึงผลักให้นักลงทุนหันมาถือทองคำมากขึ้นปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ

2.วิกฤติ Government Shutdown ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 และยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณชัดเจน

ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลัง ขณะเดียวกัน การเลิกจ้างในภาครัฐเริ่มเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดเงินผันผวน นักลงทุนจึงเลือกเก็บทองคำไว้ลดความเสี่ยง

3.การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมและธันวาคม 2568 ซึ่งมีโอกาสสูงถึง 96% และ 87% ตามลำดับ การลดดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และผลตอบแทนพันธบัตรลดลง กลายเป็นแรงหนุนสำคัญให้ราคาทองคำขยับขึ้นต่อเนื่อง

ปัจจัยระยะยาวที่เสริมให้ราคาทองคำยังแข็งแกร่ง

  • ธนาคารกลางทั่วโลกยังคง สะสมทองคำในปริมาณสูงกว่า 1,000 ตันต่อปี เพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์
  • นโยบายการเงินผ่อนคลายของเฟด ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง
  • กระแสความเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS ที่ผลักดันการใช้ทองคำหนุนหลังสกุลเงินใหม่

สถาบันการเงินระดับโลกอย่าง Goldman Sachs และ UBS Group ประเมินว่าทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าอาจแตะ 4,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2569 ขณะที่ YLG Gold Center ของไทยมองว่าราคาทองคำอาจขึ้นไปแตะ 75,000–80,000 บาทต่อบาททองคำ

ความเสี่ยงที่ยังต้องจับตา แม้ว่าทองคำจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น แต่ตลาดยังมีความเสี่ยงจาก

  • ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงทางการค้า
  • การเทขายทำกำไรหลังราคาพุ่งสูงต่อเนื่อง
  • ค่าเงินดอลลาร์ที่อาจกลับมาแข็งค่า
  • เฟดที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ย

ในทางเทคนิค ราคาทองคำยังส่งสัญญาณบวก แต่มีแนวโน้มพักฐานระยะสั้น นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ 

ซื้อเมื่อราคาย่อตัว (Buy the Dip) หรือ รอทดสอบแนวรับใหม่ เพื่อเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม

สรุปภาพรวม

“ราคาทองคำในช่วงปลายปี 2568 เป็นภาพสะท้อนของความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ทั้งจากสงครามการค้า วิกฤติการเมืองในสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยขาลงของเฟด ปัจจัยทั้งหมดนี้รวมกันทำให้ทองคำกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัยอันดับหนึ่งของโลก หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป ปี 2569 อาจเป็นอีกหนึ่ง ปีทองของทองคำ ที่สร้างสถิติใหม่ให้โลกได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์อีกครั้ง”

แหล่งที่มา

www.thebangkokinsight.com

www.mitrade.com

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่