ในโลกความเป็นจริง เราทุกคนย่อมมีกระเป๋าเงิน หรือกระเป่าสตางค์กันคนละไม่ต่ำกว่า 1 ใบที่เราไว้ใช้เก็บเงิน หรือธนบัตร ในโลกของสังคมไร้เงินสด e-Wallet เปรียบเหมือนกับกระเป๋าตัง 1 ใบ เพียงแต่อยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน
ปกติเราจะรับเงินสดจากผู้อื่นหรือกดจากตู้ ATM เอามาใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ เวลาจะเอาเงินให้ใครหรือจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า เราก็หยิบเงินสดในนั้นออกมาให้หรือจ่ายตามจำนวนที่ต้องการ แต่สำหรับ e-Wallet นั้นใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในการรับเงิน โอนเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ โดยทำผ่านแอพพลิเคชันที่ได้ติดตั้งไว้
ซึ่งเราจะต้องนำเงินใส่ไว้ใน e-Wallet ก่อนเพื่อให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้ ซึ่ง e-Wallet นั้นจะมีรหัส ID หรือตัวเลขที่ใช้อ้างอิงในการรับเงินของตัวมันเองอยู่ด้วย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเหมือนกับเลขบัญชีธนาคาร ตัวอย่าง แอพพลิเคชั่น เป๋าตัง G-Wallet ซึ่งเป็นที่นิยมและเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินและใช้งานกันมาบ้างแล้ว จะเห็นได้ว่าเราจำเป็นต้องเติมเงินเข้า G-Wallet ก่อน จึงสามารถนำไปใช้จ่ายหรือใช้สิทธิชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้นั่นเองครับ
เงินจะถูกเก็บใน e-Wallet จะอยู่ในรูปแบบของ e-Money (Electronic Money) หรือ เงินอิเล็กทรอนิกส์ คือ มูลค่าเงินที่ถูกบันทึกในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์(เช่น ชิปคอมพิวเตอร์ในบัตรแทนเงินสดหรือบัตรพลาสติก เครื่อข่ายโทรศัพท์ เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต )ซึ่งผู้ใช้งานได้ชำระหรือเติมเงินไว้ล่วงหน้า หรือหักผ่านบัญชีธนาคารโดยตรง (Pre-paid) แก่ผู้ให้บริการ e-Money ซึ่งสามารถใช้ชำระสินค้า หรือบริการได้ตามที่ร้านค้าที่รับชำระ
เป็นการสร้างความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ หรือเจ้าของบัญชี e-Wallet เพื่ป้องกันบุคคลอื่นมาแอบอ้างตัวตน โดยผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงการใช้บริการทางการเงินที่ต้องการตามระดับการยืนยันตัวตนที่เหมาะสม สำหรับการยืนยันตัวตนนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การ Identify (ระบุตัวตน) ด้วยการกรอกข้อมูล อาทิ ชื่อ-นามสกุล อีเมล เลขบัตรประชาชน หรือเบอร์มือถือ พร้อม Verify (พิสูจน์ตัวตน) อาทิ กรอก OTP ที่ส่งมาทางมือถือเพื่อยืนยันเบอร์มือถือ การตรวจสอบเพื่อยืนยันอัตลักษณ์ อาทิ หน้าตาว่าตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่ โดยใช้เจ้าหน้าที่ หรือเทคโนโลยีชีวมิติ (biometrics) เช่น การสแกนใบหน้า ซึ่งปัจจุบันผู้ให้บริการ e-Wallet ชั้นนำได้นำมาใช้กันแล้ว โดยการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการและเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยมอบความอุ่นใจ ความสะดวกสบายในการใช้บริการ รวมถึงช่วยปกป้องบัญชี และข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
หลายท่านรู้สึกไม่สบายใจกับการต้องกรอกข้อมูลสำคัญต่างๆเพื่อใช้ยืนยันตัวตนหรือเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการใช้บริการแต่ผู้ใช้บริการ e-Wallet สามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของท่านได้ถูกเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งสอดคล้องกับข้อบังคับที่กฎหมายกำหนด
สำหรับการทำธุรกรรมต่างๆ ใน e-Wallet ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องทำการ log-in เพื่อเข้าใช้งานก่อนเสมอ ซึ่งระบบความปลอดภัยในส่วนนี้ e-Wallet ได้กำหนดให้จำเป็นต้องมีการกรอก Password, Pin, OTP และรวมถึงข้อมูลชีวมาตร (Biometrics) เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือของผู้ใช้บริการ หรือเจ้าของบัญชีเท่านั้น ที่เป็นผู้กำหนดและตั้งค่าด้วยตนเอง นอกจากขั้นตอนการเข้าใช้งานบัญชีแล้ว ขั้นตอนการทำธุรกรรม ก็มีความปลอดภัยเช่นกัน
โดยจะมีระบบ Risk control, Risk system และ Authentication รูปแบบต่าง ๆ เช่น การขอให้ใส่รหัส Pin หรือ OTP ก่อนการโอนเงิน เป็นต้น ผู้ใช้บริการยังสามารถตรวจสอบรายการ (Transaction History) ได้แบบทันที (online real time) จากในแอปฯ ทั้งนี้ หากได้รับข้อความเตือนแปลก ๆ ผ่านช่องทาง e-mail หรือ SMS หรือได้รับ OTP จากช่องทางใด ๆ เข้ามา เราไม่ควรรีบกดรับ หรือแจ้งรหัส OTP ที่ได้รับให้ผู้อื่นทราบ ตั้งสติให้ดีหากเราไม่ได้ทำธุรกรรมใด ๆ ตามที่ได้รับแจ้ง อาจเป็นไปได้ว่ามีใครได้ข้อมูลส่วนตัวของเราไปและพยายามเข้าถึงบัญชีของเรา
ผู้ให้บริการตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ โดยผู้ให้บริการจะจัดเก็บและนำข้อมูลไปใช้เท่าที่จำเป็นภายใต้ความยินยอมของผู้ใช้บริการ หรือตามที่กฎหมายกำหนด
ที่คอยดูแลความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างทันท่วงที ซึ่งเบื้องหลังแล้ว ผู้ให้บริการ e-Wallet มีทีมผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในด้านการรักษาความปลอดภัยระบบไอที การรักษาจัดเก็บข้อมูล ตลอดจนหน่วยงานบริหารความเสี่ยง หน่วยงานป้องกันและตรวจสอบทุจริต นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานงานร่วมกับองค์กรภายนอกต่าง ๆ อาทิ สถาบันการเงินหรือหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ ในการวางแผนและออกแบบระบบที่ครอบคลุมและรัดกุม พร้อมทีมคอยมอนิเตอร์การใช้งานที่ผิดปกติ รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ที่พร้อมให้บริการตอบข้อสอบถามและประสานงานช่วยแก้ไขปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |