fbpx
Search
Close this search box.

GDP คืออะไร กระทบกับตลาดหุ้นอย่างไรบ้าง?
เกี่ยวกับยังไงเราบ้าง?

GBD ตลาดหุ้น

      คุ้นๆกับคำนี้ไหมครับ GDP เวลาเราฟังข่าวเศรษฐกิจหรืออ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน มักจะได้ยินการอ้างอิงถึงคำว่า GDP กันเป็นประจำ วันนี้จึงสรุปมาให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ว่า GDP คืออะไร? แล้วเกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือเกี่ยวข้องกับเราอย่างไรบ้าง?

      GDP ย่อมาจากคำว่า Gross Domestic Product คือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ คำนวณมาจากมูลค่าสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศ ณ ช่วงเวลานั้น หรือพูดง่าย ๆ ว่า GDP เป็นมูลค่าเศรษฐกิจทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศ ถ้าตัวเลข GDP ของไทยสูงขึ้น ก็แปลได้ว่ามีรายได้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งอาจจะมาจากการจับจ่ายใช้สอยของคนในประเทศ มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ภาครัฐมีการลงทุนโครงการต่าง ๆ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวมาใช้เงินในประเทศเรามากขึ้น เป็นต้น

GDP บวกหรือลบ หมายความว่าอะไร?

     จะเห็นว่าการที่ GDP จะบวกหรือลบได้นั้น มาจากความสัมพันธ์ของ 4 ส่วนประกอบ ได้แก่ การบริโภค การลงทุนเอกชน การใช้จ่ายของรัฐบาล และการส่งออกสุทธิ ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจทุกส่วนในประเทศ
     ดังนั้น ถ้า GDP เป็นบวก ก็แปลว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้น เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย ในทางตรงกันข้ามถ้า GDP ติดลบ ก็แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีถดถอยนั่นเอง
     โดยเราสามารถใช้ตัวเลข GDP กำหนดกลยุทธ์การลงทุนในภาพใหญ่ได้ว่าตอนนั้นเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงไหน? ทำให้เร เติบโต หยุดชะงัก ชะลอตัว หรือกำลังฟื้นตัว? เพราะอย่างที่ทราบกันว่าภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อจะมีวิธี และกลุยทธ์ต่างๆ ของทั้ง 4 ส่วนประกอบ การบริโภค การลงทุนเอกชน การใช้จ่ายของรัฐบาล และการส่งออกสุทธิ จะมีพฤติกรรม ในการใช้ทรัพยากรที่แตกต่างกัน

GDP บวกหรือลบ เกี่ยวอะไรกับตลาดหุ้น?

        แน่นอนว่า GDP เป็นตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งสำคัญต่อทิศทางการลงทุน โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนย่อมต้องการเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ สามารถเติบโตได้ในระดับที่ดีต่อเนื่อง แต่คำถามคือตัวเลข GDP ที่ประกาศออกมาในแต่ละครั้งนั้น ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมากน้อยแค่ไหน

         เมื่อลองเปรียบเทียบมูลค่า GDP ของประเทศไทย กับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น(SET Index) ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2020 จะเห็นว่าความสัมพันธ์ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน “ขึ้นก็ขึ้นเหมือนกัน ลงก็ลงเหมือนกัน” โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะมีเพียงช่วงปี 2013-2015 เท่านั้นที่ความสัมพันธ์แปรผกผันกัน เนื่องจากมีปัจจัยภาพนอกมากระทบค่อนข้างมาก ทั้ง วิกฤติเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป และเหตุการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ

www.setinvestnow.com

      สุดท้ายนี้เมื่อนักลงทุนสามารถใช้การเติบโตของ GDP วิเคราะห์ทิศทางการลงทุนในอนาคต ก็อย่าลืมพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อจะได้มุมมองการลงทุนที่ครบทุกมิติ โดยสามารถเข้าอ่านบทวิเคราะห์หุ้นรายตัวที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมไว้ได้ที่นี่ คลิก รวมถึงสามารถทดลองใช้เครื่องมือ SETSMART สำหรับดูข้อมูลสถิตที่สำคัญ และเป็นตัวช่วยคัดกรองหุ้นรายตัวที่น่าสนใจ คลิก

References: www.setinvestnow.com

เพื่อนๆสามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่