
ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบการเงินโลก — เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่ปี 1996 ที่ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองทองคำในมูลค่ารวมมากกว่า “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนกระบวนการ “ลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์” (De-dollarization) ที่หลายประเทศกำลังเร่งดำเนินการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินเดียว ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังของสหรัฐฯ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และการใช้เงินดอลลาร์เป็น “อาวุธทางการเงิน” บนเวทีโลก
รายงานจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปริมาณทองคำสำรองทั่วโลกอยู่ที่ 36,344 ตัน โดยมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำที่พุ่งแตะ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้มูลค่าทองคำสำรองทั้งหมดแซงหน้าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต่างประเทศถือครองอยู่ราว 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์มองว่านี่คือ “จุดเริ่มต้นของการปรับสมดุลใหม่” ของระบบการเงินโลก
ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกได้เร่งซื้อทองคำในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปี 2022 มีการซื้อสุทธิ 1,136 ตัน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1950 และมากกว่าค่าเฉลี่ยช่วงปี 2010–2021 ถึงสองเท่า แนวโน้มนี้ดำเนินต่อเนื่องในปี 2023 และ 2024 ทำให้บทบาทของทองคำเปลี่ยนจาก “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง” มาเป็น “สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์” สำหรับการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ
ในขณะเดียวกัน อิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐก็ค่อย ๆ ลดลง สัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงเหลือ 57.8% ณ สิ้นปี 2024 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี จากเดิม 72% ในปี 2002 และหากนับรวมทองคำเข้ามาด้วย สัดส่วนของเงินดอลลาร์จะลดลงเหลือเพียง 46% ขณะที่ทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 20% แซงหน้ายูโรที่อยู่ที่ 16%
หลายปัจจัยที่ผลักดันแนวโน้มนี้ ได้แก่ การใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องมือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในกรณีของรัสเซีย ความกังวลต่อหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่ทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์ และความพยายามของประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองเพื่อไม่พึ่งพาสกุลเงินเดียว รายงานจาก JPMorgan ยังระบุอีกว่าความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นกำลังผลักดันตลาดกระทิง โดยคาดว่าราคาทองคำอาจแตะ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปี 2026
แม้ว่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินหลักของโลก แต่เพียงการลดการถือครองลงเล็กน้อยจากประเทศต่าง ๆ ก็อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากความต้องการใช้เงินดอลลาร์ทั่วโลกเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้สหรัฐฯ สามารถกู้ยืมและใช้จ่ายเกินตัวได้ หากความต้องการนั้นลดลง เงินดอลลาร์อาจไหลกลับเข้าสู่ระบบภายในประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินอ่อนลง กระตุ้นเงินเฟ้อ และในกรณีรุนแรงอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ “ทองคำ” กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ในขณะที่ “เงินดอลลาร์สหรัฐ” ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและจากกระแสโลกที่ต้องการลดการพึ่งพาสกุลเงินเดียวมากเกินไป
“ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ “ทองคำ” กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ในขณะที่ “เงินดอลลาร์สหรัฐ” ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและจากกระแสโลกที่ต้องการลดการพึ่งพาสกุลเงินเดียวมากเกินไป”
แหล่งอ้างอิง
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |