fbpx
Search
Close this search box.

IMF ชี้สัญญาณเตือนเศรษฐกิจไทย: โตช้าเหลือ 2.1% ปี 2568 วาระเร่งด่วนที่รัฐบาลต้อง “แก้หนี้-ใช้จ่ายอย่างระวัง”

IMF, เศรษฐกิจไทย, การเติบโตช้า, แก้หนี้, การใช้จ่าย

          กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในฐานะผู้ประเมินเศรษฐกิจโลก ได้ส่งสัญญาณที่สำคัญและน่ากังวลต่อประเทศไทย โดยได้เผยแพร่ผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2568 และเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการกับความท้าทายหลักของประเทศ ทั้งการเติบโตที่อ่อนแอลง และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว รายงานฉบับนี้ได้รับการเปิดเผยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568

         นี่คือการวิเคราะห์และสรุปประเด็นสำคัญจากข้อเสนอแนะของ IMF ที่มีผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ และความเป็นอยู่ของคนไทยโดยตรง

1. สัญญาณชะลอตัว: เศรษฐกิจไทยกำลังเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ

            แม้ว่าในช่วงต้นปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้ แต่ภาพรวมในระยะถัดไปกลับมีแนวโน้ม อ่อนแรงลงอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่ยังไม่สามารถแตะระดับศักยภาพที่ควรจะเป็นได้

  • คาดการณ์ GDP ที่น่ากังวล: IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยตลอดปี 2568 เหลือเพียง ร้อยละ 2.1 และคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องเหลือเพียง ร้อยละ 1.6 ในปี 2569
  • เงินเฟ้อยังซบเซา: คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยจะสามารถกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของ ธปท. (ร้อยละ 1-3) ได้ภายในปี 2570

ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ : การเติบโตที่ซบเซาและเงินเฟ้อที่ต่ำเช่นนี้ เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า กำลังซื้อในประเทศยังคงไม่กระเตื้องเท่าที่ควร ผู้ประกอบการจึงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารจัดการด้านการเงินและสินค้าคงคลังด้วยความรอบคอบสูงสุด

2. นโยบายคู่ขนาน: "การคลังมีวินัย" และ "การเงินยืดหยุ่น"

ภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และขีดจำกัดของเครื่องมือนโยบายที่มีอยู่ IMF ได้แนะนำให้รัฐบาลไทยดำเนิน นโยบายการเงินและการคลังแบบผสมผสาน (Monetary-Fiscal Mix) โดยต้องใช้กลยุทธ์ที่เฉียบคมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด

2.1 นโยบายการคลัง (บทบาทรัฐบาล): ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เน้นตรงจุด

            เนื่องจากระดับหนี้สาธารณะของไทยยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง IMF จึงเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายการคลังด้วย ความระมัดระวังอย่างมาก และควรเน้นการใช้จ่ายแบบ “มุ่งเป้า” (Targeted) เพื่อให้การช่วยเหลือและการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังแนะนำให้รัฐบาลจัดทำ แผนการเข้าสู่สมดุลทางการคลังในระยะปานกลาง ที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาด

  • นัยยะสำคัญ: การใช้จ่ายภาครัฐจะเปลี่ยนไปสู่มาตรการที่เน้นประสิทธิภาพและวินัยทางการคลังมากขึ้น อาจหมายถึงมาตรการภาษีหรือเงินอุดหนุนที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมหรือกลุ่มรายได้ที่เปราะบางโดยเฉพาะ

2.2 นโยบายการเงิน (บทบาท ธปท.): ช่องทางผ่อนคลายยังมีอยู่

         IMF มองว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ ธปท. ใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ได้ชี้ช่องทางว่า อาจมีการผ่อนคลายเพิ่มเติมได้อีก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัว และสนับสนุนให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

  • ความหวังของลูกหนี้: หาก ธปท. มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจริง จะเป็นผลดีโดยตรงต่อลูกหนี้และผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อ เนื่องจาก ต้นทุนทางการเงินจะลดลง ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ

3. วาระปฏิรูปประเทศ: สองหัวใจสำคัญคือ "แก้หนี้" และ "ยกระดับโครงสร้าง"

         IMF ได้ตอกย้ำว่าประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเรื้อรังและดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนในสองประเด็นหลัก:

  • หนี้ครัวเรือนสูง: เนื่องจากระดับหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโต IMF ได้เสนอแนะให้ทางการไทยเร่ง ฟื้นฟูช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสม และใช้มาตรการเฉพาะกิจเพื่อ แบ่งเบาภาระหนี้ ให้กับลูกหนี้อย่างจริงจัง การแก้ไขปัญหานี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การส่งผ่านนโยบายการเงินของ ธปท. มีประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง
  • การปฏิรูปโครงสร้าง: ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อเสริมสร้าง ศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว โดยเน้นไปที่การส่งเสริมการค้า การเชื่อมโยงทางการเงิน การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Productivity) และการยกระดับการส่งออก รวมถึงการปรับปรุงระบบประกันสังคมและธรรมาภิบาล

ผู้ประกอบการและนักลงทุนควรเตรียมรับมืออย่างไร

         ผลการประเมินของ IMF ครั้งนี้คือ การย้ำเตือนอย่างหนักแน่น ถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะการประคองการเติบโตภายใต้แรงกดดันจากหนี้สิน สำหรับภาคธุรกิจและร้านค้า การเข้าใจถึงทิศทางที่รัฐบาลจะมุ่งไปสู่ นโยบายการคลังที่รอบคอบ และโอกาสในการ ผ่อนคลายนโยบายการเงิน จะช่วยให้สามารถวางแผนการบริหารจัดการเงินทุน การตัดสินใจลงทุน และการเตรียมความพร้อมรับมือกับกำลังซื้อที่ยังคงชะลอตัวในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การปฏิรูปโครงสร้างที่ถูกชี้ขาดนี้ ยังเป็นสัญญาณว่าอนาคตของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการปรับตัวและยกระดับศักยภาพ ในเวทีโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้.

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่