
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในฐานะผู้ประเมินเศรษฐกิจโลก ได้ส่งสัญญาณที่สำคัญและน่ากังวลต่อประเทศไทย โดยได้เผยแพร่ผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2568 และเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการกับความท้าทายหลักของประเทศ ทั้งการเติบโตที่อ่อนแอลง และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว รายงานฉบับนี้ได้รับการเปิดเผยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568
นี่คือการวิเคราะห์และสรุปประเด็นสำคัญจากข้อเสนอแนะของ IMF ที่มีผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ และความเป็นอยู่ของคนไทยโดยตรง
แม้ว่าในช่วงต้นปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าที่ IMF เคยคาดการณ์ไว้ แต่ภาพรวมในระยะถัดไปกลับมีแนวโน้ม อ่อนแรงลงอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่ยังไม่สามารถแตะระดับศักยภาพที่ควรจะเป็นได้
ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ : การเติบโตที่ซบเซาและเงินเฟ้อที่ต่ำเช่นนี้ เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า กำลังซื้อในประเทศยังคงไม่กระเตื้องเท่าที่ควร ผู้ประกอบการจึงต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารจัดการด้านการเงินและสินค้าคงคลังด้วยความรอบคอบสูงสุด
ภายใต้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และขีดจำกัดของเครื่องมือนโยบายที่มีอยู่ IMF ได้แนะนำให้รัฐบาลไทยดำเนิน นโยบายการเงินและการคลังแบบผสมผสาน (Monetary-Fiscal Mix) โดยต้องใช้กลยุทธ์ที่เฉียบคมเพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
เนื่องจากระดับหนี้สาธารณะของไทยยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง IMF จึงเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายการคลังด้วย ความระมัดระวังอย่างมาก และควรเน้นการใช้จ่ายแบบ “มุ่งเป้า” (Targeted) เพื่อให้การช่วยเหลือและการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังแนะนำให้รัฐบาลจัดทำ แผนการเข้าสู่สมดุลทางการคลังในระยะปานกลาง ที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาด
IMF มองว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่ ธปท. ใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงเหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ได้ชี้ช่องทางว่า อาจมีการผ่อนคลายเพิ่มเติมได้อีก เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัว และสนับสนุนให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
IMF ได้ตอกย้ำว่าประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเรื้อรังและดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนในสองประเด็นหลัก:
ผลการประเมินของ IMF ครั้งนี้คือ การย้ำเตือนอย่างหนักแน่น ถึงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะการประคองการเติบโตภายใต้แรงกดดันจากหนี้สิน สำหรับภาคธุรกิจและร้านค้า การเข้าใจถึงทิศทางที่รัฐบาลจะมุ่งไปสู่ นโยบายการคลังที่รอบคอบ และโอกาสในการ ผ่อนคลายนโยบายการเงิน จะช่วยให้สามารถวางแผนการบริหารจัดการเงินทุน การตัดสินใจลงทุน และการเตรียมความพร้อมรับมือกับกำลังซื้อที่ยังคงชะลอตัวในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การปฏิรูปโครงสร้างที่ถูกชี้ขาดนี้ ยังเป็นสัญญาณว่าอนาคตของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการปรับตัวและยกระดับศักยภาพ ในเวทีโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้.
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
| Cookie | Duration | Description |
|---|---|---|
| cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
| cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
| cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
| cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
| cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
| viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |