fbpx
Search
Close this search box.

‘Revenge Saving’ เทรนด์ออมเงินสุดหักดิบ ในกลุ่มวัยรุ่นจีน

หลังจากปรากฏการณ์ ‘ใช้จ่ายแก้แค้น (Revenge Spending)’ เกิดขึ้น เพื่อชดเชยความอัดอั้นหลังจากถูกกักตัว และถูกจำกัดพื้นที่อยู่เป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เทรนด์การใช้จ่ายกำลังเปลี่ยนไป เพราะ ‘การออมเงินสุดหักดิบ (Revenge Saving)’ กำลังจะมาแทนที่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว Gen Z ประเทศจีน ที่เลือกจะเก็บเงินอย่างสุดโต่งจากสภาวะเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ไม่แน่นอน

เนื้อหา

‘Revenge Saving’ คืออะไร ?

จากข้อมูลของ CNBC เทรนด์ Revenge Saving หรือการออมเงินสุดหักดิบนี้ เป็นการจำกัดค่าใช้จ่ายต่อเดือนหรือต่อวันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนำเงินที่เหลือไปออม อย่างเช่น ผู้ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียอายุ 26 ปี มีว่า ‘Little Zhai Zhai’ เขาได้จำกัดรายจ่ายตัวเองให้เหลือเพียง 300 หยวน หรือเพียง 1,500 บาทต่อเดือน และจำกัดค่าอาหารไว้ที่ 10 หยวน หรือราว 50 บาทต่อวันเท่านั้น

โดยวิธีประหยัดเงินนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหาเพื่อนที่ประหยัดเงินเหมือนกัน คอยเตือนและห้ามไม่ให้ใช้เงิน ในการซื้อของฟุ่มเฟือย และทานอาหารในร้านราคาถูก รวมถึงการกินข้าวในโรงอาหารราคาถูกของชุมชนที่ปกติแล้วจะมีแต่ผู้สูงอายุเข้าไปใช้บริการ

การบริโภคที่เปลี่ยนไป จากสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง

ในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา สำนักข่าวซีเอ็นบีซี เปิดเผยว่า หนุ่มสาวชาวจีน หันไปซื้อของ และทานอาหารที่ชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้ามากขึ้น จนเป็นเทรนด์ในโซเชียลมีเดียที่เรียกว่า “เศรษฐกิจB1B2” และเกิดแฮชแท็ก #YoungPeopleOnlyGoShoppingAtB1B2 หรือ หมายถึง คนหนุ่มสาวเลือกกิน-ช้อปแค่ชั้นใต้ดิน B1 และ B2 ซึ่งร้านใต้ดินเหล่านี้มักมีของราคาถูกไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกมากมาย

ซึ่งเทรนด์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการบริโภคที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ ซึ่งแตกต่างจากช่วงชีวิตวัยรุ่นในปี 2010 อย่างสิ้นเชิง ที่ต้องการใช้เงินมากกว่าที่หาได้ และกู้เงินเพื่อมาซื้อของใช้แพง ๆ อย่างกระเป๋า Gucci และ iPhone 

สาเหตุและปัจจัยของ ‘Revenge Saving’ เทรนด์การออมเงินสุดโหด

สาเหตุที่ทำไมวัยรุ่นจีนเลือกที่จะเก็บเงินมากกว่าวัยรุ่นในประเทศอื่น ๆ มาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและปัญหาการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าตัวเลข GDP ของจีนได้แตะ 5.3% ในช่วงไตรมาสแรก แต่ IMF ยังคงมองว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงและลดเหลือเพียง 4.5% ในปี 2025

นอกจากนี้ข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนเผยว่า การว่างงานของคนรุ่นใหม่จีนสูงถึง 14.2% ในเดือนพฤษภาคม 2024 มากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 5% และยังมีนักศึกษาอีกหลายล้านคนที่สำเร็จการศึกษา ซึ่งจะไหลทะลักสู่ตลาดแรงงานในลักษณะคอขวด

ในขณะที่เงินเดือนของเด็กจบใหม่ในปี 2023 อยู่ที่ 6,050 หยวน หรือประมาณ 30,000 บาท เติบโตจากปีก่อนหน้าเพียงแค่ 1% จากข้อมูลของ MyCOS Research ทำให้คนอายุน้อยในจีนไม่มีกำลังซื้อ และไม่มีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากเท่าวัยเริ่มทำงานในรุ่นก่อนหน้า

ซึ่งเทรนด์นี้ยังไม่ได้เกิดแค่ในหมู่วัยรุ่นจีนเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในวัยทำงานของจีนอีกด้วย ข้อมูลของ Bank of China พบว่า เงินฝากในไตรมาสแรกของปี 2024 ในจีนเพิ่มขึ้นราว 11.8% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคในจีนเลือกเก็บเงินมากขึ้นแม้จะยังมีกำลังซื้อของ

แหล่งอ้างอิง

ผู้เขียน

Picture of ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่