Menu
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ สรรพากรใช้ระบบสมัครใจในการนำส่งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ว่าจะนำส่งเป็นกระดาษหรือทางไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ตั้งแต่ปีภาษี 2567 เป็นต้นไป ทุกบริษัทจะต้องนำส่งเงินได้ของพนักงานเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย หรือ 50 ทวิ
ซึ่งพนักงานที่มีเงินเดือนทุกรายที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถเรียกดูใบรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายในระบบ My Tax Account ตั้งแต่การยื่นภาษีประจำปีในช่วง 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
การยื่นเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยลดขั้นตอนการทำงานของบริษัทที่เป็นผู้หักเงินได้ โดยไม่ต้องเก็บเอกสารเป็นกระดาษอีกต่อไป ลดภาระและต้นทุนในการจัดเก็บที่สำคัญ
และยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่เป็นลูกจ้าง ที่มีเงินได้จากหลายแหล่งสามารถเห็น การหักภาษี ณ ที่จ่าย ของบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นผู้จ่ายเงินได้ให้กับตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปตระเวนเพื่อขอหนังสือรับรองจากแต่ละบริษัท
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีพนักงานลูกจ้างของบริษัทมีการปลอมแปลงหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายกันจำนวนมาก เพื่อหลบเลี่ยงในการลดหย่อนภาษีเงินได้
ดังนั้นกรมสรรพากรจึงมีมาตรการบังคับให้ทุกบริษัทจะต้องส่งเงินได้ของพนักงานเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ภายในรอบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2567 ซึ่งเริ่มยื่นวันที่ 1 มกราคม – 8 เมษายน 2568
ทั้งนี้ ในอนาคตกรมสรรพากรหวังอีกว่า จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเงินได้และค่าลดหย่อนต่าง ๆ ของพนักงานเข้ามาไว้ในระบบทั้งหมด เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถแจ้งไปยังนายจ้างว่าให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในระดับที่พอดี ไม่หักไว้เกิน จนต้องมายื่นขอคืนในภายหลัง
นอกจากนี้ในปีที่แล้ว ได้มีการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวม 11.4 ล้านราย ในจำนวนนี้ 96% ของผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการยื่นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ และมีผู้ยื่นขอคืนภาษี 4 ล้านราย สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีนี้นั้น จนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ มีการยื่นมาแล้ว 2.1 ล้านราย มากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีการยื่นแบบภาษีมา 1.7 ล้านแบบ
อ้างอิงจาก
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
