ดอกเบี้ยขึ้นทำให้ค่าเงินแข็งขึ้นจริงไหม

1.การแทรกแซงของธนาคารกลาง

ในบางกรณีธนาคารกลางอาจไม่ต้องการให้ค่าเงินแข็งเกินไป เพราะกระทบต่อการส่งออกจึงเข้ามาแทรกแซงในตลาดโดยการขายเงินสกุลตนเองเพื่อให้ค่าเงินอ่อนลงหรือใช้มาตรการอื่นเพื่อควบคุมไม่ให้ค่าเงินแข็งเกินไป ธนาคารกลางแต่ละประเทศมี “เป้าหมายทางเศรษฐกิจ” ที่แตกต่างกันออกไปบางประเทศต้องการรักษาค่าเงินให้มีเสถียรภาพเพื่อความมั่นคงทางการค้า เช่น ไทย ญี่ปุ่นหรือจีน ถ้าค่าเงินแข็งเกินไป ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก เพราะสินค้าจะแพงขึ้นในสายตาของต่างประเทศ 

ในกรณีนี้ธนาคารกลางอาจเข้ามา “แทรกแซงตลาดเงิน” เช่น การขายสกุลเงินของตนเองออกมาในตลาด เพื่อเพิ่มปริมาณและกดค่าเงินให้ไม่แข็งเกินไป หรือลดความรุนแรงของการแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินกลับมาอยู่ในระดับที่เอื้อต่อเศรษฐกิจมากขึ้น

2.เศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ

หากเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ เช่น GDP ชะลอตัวลงคนว่างงานเพิ่มขึ้น การบริโภคในประเทศลดลง ภาคธุรกิจชะลอการลงทุน แม้ดอกเบี้ยจะสูงก็อาจจะทำให้ไม่มีเงินทุนไหลเข้า เพราะความเสี่ยงที่นักลงทุนประเมินเอาไว้สูงกว่าผลตอบแทนที่ได้จากดอกเบี้ย นอกจากนี้ถ้าตลาดคาดว่าธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกไม่นาน หรือต้องกลับมาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นักลงทุนอาจจะไม่เลือกถือเงินสกุลนั้นในระยะยาว ส่งผลให้ค่าเงินไม่แข็งอย่างที่ควรเป็น หรืออ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง

3.ดอกเบี้ยขึ้นไม่พอกับเงินเฟ้อ

ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังสูงมาก แม้จะมีการขึ้นดอกเบี้ยก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจได้ นักลงทุนอาจมองว่าเศรษฐกิจยังคงเสี่ยงอยู่ ส่งผลให่ค่าเงินอ่อนลงแทน

โดยทั่วไปแล้วดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีแนวโน้มทำให้ค่าเงินแข็งขึ้น เพราะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาซื้อสินทรัพย์ในประเทศนั้นๆ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงการเคลื่อนไหวของค่าเงินนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัจจัยอื่นอีก ดังนั้นหากต้องการเข้าใจทิศทางค่าเงินอย่างแม่นยำ ไม่ควรดูเฉพาะการเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาภาพรวมของเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกประกอบกันเสมอ