Menu
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณรถยนต์บนถนน และลดมลพิษจากฝุ่นละออง PM2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่ในเมืองหลวง นอกจากนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมจะนำไปสนับสนุนกองทุนเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากเอกชน ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถควบคุมราคาโดยสารให้ถูกลงและเป็นธรรมมากขึ้น
สุริยะกล่าวว่า การศึกษาเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ที่จะจัดเก็บค่าธรรมเนียม เช่น ถนนสุขุมวิท สีลม และถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและมีแนวรถไฟฟ้าตัดผ่าน
จากการประเมินการจัดเก็บค่าธรรมเนียม คาดว่าจะมีรถยนต์เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวประมาณ 700,000 คันต่อวัน หากเก็บค่าธรรมเนียมที่ 50 บาท จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ประมาณ 35 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งรายได้นี้จะถูกนำไปใช้ในโครงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า
ในระยะ 5 ปีแรก จะมีการเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ 50 บาท และใน 5 ปีถัดไปจะมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมตามสถานการณ์และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
การดำเนินการดังกล่าวมีประโยชน์มากมาย เช่น
แม้ว่าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องพิจารณา เช่น การรับรู้และความเข้าใจของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายนี้ รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นว่ารายได้จะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะจริง ๆ นอกจากนี้ยังต้องมีการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการเก็บค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนมากเกินไป
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติดที่เสนอโดยรัฐบาลเป็นการมุ่งหวังเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและมลพิษในกรุงเทพฯ อย่างมีประสิทธิภาพ แนวทางนี้ได้รับการประยุกต์ใช้จากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการจัดการจราจร เช่น ประเทศอังกฤษ สวีเดน และสิงคโปร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเก็บค่าธรรมเนียมสามารถลดปัญหาจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องมีการติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า
นโยบายนี้จะส่งผลดีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
