วันตรุษจีน เป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของประเทศจีน เช่นเดียวกันกับประเทศไทยเราที่มีวันที่ 13 เมษาเป็นวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย เมื่อถึงวันตรุษจีนแบบนี้เด็กๆหลายคนอาจกำลังรอคอยอั่งเปา และแต๊ะเอียกันอยู่อย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นวันรวมญาติพี่น้องของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีนอีกด้วย แต่ยังไงก็ตามเดี๋ยวเรามาดูประวัติเกี่ยวกับวันตรุษจีนกันว่ามีอะไร และ ใน 3 วันของตรุษจีนแยกออกมาเป็นวันอะไรบ้าง?
เทศกาลตรุษจีน หรือ วันตรุษจีน เปรียบเสมือนเป็นวันปีใหม่ของประเทศจีน โดยไม่มีการบันทึกอย่างแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่วันตรุษจีนเป็นประเพณีที่มีความเป็นมามานานมากกว่า 100 ปี แล้วเทศกาลวันตรุษจีนตั้งใจจัดขึ้นเพื่อฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื้องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนจะปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้ แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิถึงจะเพาะปลูกพืชผักได้ตามปกติ ทำให้ชาวจีนกำหนดวันแรกของฤดุใบไม้ผลิเป็นวันสำคัญนั่นก็คือ “วันตรุษจีน” นั่นเอง
คือวันก่อนสิ้นปี เป็นวันที่ชาวจีน และ ชาวไทยเชื้อสายจีนที่ต้องออกไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่อเซ่นไหว้ต่างๆ เพราะหลังจากนั้นตามร้านค้าต่างๆ จะปิดร้านหยุดยาวพักผ่อน
โดยจะมีการไหว้ทั้งหมด 3 ช่วงเวลาด้วยกัน คือ เช้ามืด ตอนสาย และตอนบ่าย ซึ่งตอนเช้าจะเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง หมู เป็ด ไก่ หรือเพิ่มเป็นตับและปลา เป็นเนื้อสัตว์ 5 อย่าง พร้อมทั้งเหล้า น้ำชา และกระดาษเงิน กระดาษทอง ต่อมาช่วงสาย จะเป็นการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ ญาติพี่น้องที่ถึงแก้กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน ซึ่งการไหว้ควรไหว้ไม่เกินเที่ยง ของไหว้ส่วนใหญ่จะเลือกที่ผู้ล่วงลับชอบ รวมไปถึงการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษ เป็นการอุทิศให้แก่ผู้ล่วงลับ อีกทั้งยังเป็นวันรวมญาติที่จะได้มารับประทานอาหารพร้อมหน้าและแลกอั่งเปาให้กันและกันอีกด้วย สุดท้ายจะเป็นส่วนบ่าย จะเป็นการไหว้ผีพี่น้องโดยเครื่องไหว้จะเป็น ขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล เป็นต้น พร้อมทั้งจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกไป
เป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนจีน โดยชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนจะถือธรรมเนียมโบราณนั้นก็คือ “ป้ายเจีย” คือการไหว้ขอพรและอวยพรญาติผู้ใหญ่ โดยการนำส้มสีทองไปมอบให้ เพราะส้มเปรียบเสมือนการนำความสุขหรือโลคลาภไปให้ และต้องมอบส้มเป็นจำนวน 4 ผล ห่อด้วยผ้าเช็คหน้าของผู้ชายอีกด้วย