Menu
หลายคนอาจเคยได้ยินกับหุ้นสามัญ กับ หุ้นกู้กันอยู่แล้ว ในส่วน “หุ้นบุริมสิทธิ” จะได้ยินไม่บ่อยนัก ซึ่งปัจจุบันการลงทุนเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย และมีข้อมูลที่ศึกษาได้จากช่องทางต่างๆ และบางครั้งที่การศึกษาเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมหาศาลจากการลงทุนมากกว่าการออมเงินธรรมดา เดี๋ยวเรามาดูเกี่ยวกับหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นกู้ กันดีกว่าคืออะไร สรุปง่ายๆฉบับ ACU ไปอ่านพร้อมกันเลย
เป็นตราสารที่ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทเอกชน เจ้าของบริษัทสามารถเป็นผู้ที่ถือหุ้นสามัญได้ อีกทั้งยังมีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่หุ้นได้ตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือครอง เช่น การจ่ายเงินปันผล การเพิ่มทุน หรือการควบรวมกิจการ เป็นต้น อีกทั้งคนที่ถือหุ้นสามัญมีสิทธิที่จะได้รับเงินปันผล ต่อเมื่อบริษัทมีกำไรจากส่วนต่างๆ และรวมไปถึงโอกาสที่จะได้รับสิทิในการจองซื้อหุ้นออกใหม่เมื่อบริษัทเพิ่มทุนนั้นเอง
เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน เพื่อระดมทุนทั้งหมดไปใช้ในกิจการต่างๆ เช่น การขยายสาขากิจการ การซื้ออุปกรณ์ การต่อเติม หรือเพื่อการก่อสร้างอื่นๆ เป็นต้น โดยหุ้นกู้สามารถแบ่งออกได้เป็นหน่วย และแต่ละหน่วยมีมูลค่าที่เท่าๆกันหน่วยละ 1,000 บาท และส่วนใหญ่มักจะกำหนดหุ้นกู้ขั้นต่ำ 100,000 บาท โดยที่ผู้กู้จะต้องทำสัญญาว่าจะจ่ายคืนเงินตามจำนวนดังกล่าวและมีดอกเบี้ยตามวันและเวลาที่กำหนดได้ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะมีสภาพเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้นๆ
เรียกได้ว่าเป็นลูกผสมระหว่างหุ้นสามัญกับหุ้นกู้ คือเป็นตราสารหนี้ที่ผู้ถือหุ้นสามารถเป็นเจ้าบริษัทได้เช่นเดียวกับหุ้นสามัญ แต่จะไม่มีสิทธิออกเสียงในการลงมติใดๆในที่ประชุม และหากบริษัทหรือกิจการนั้นๆ มีกำไรจากการดำเนินงาน ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิก็สามารถได้เงินปันผลในอัตราคงที่และเมื่อบริษัทได้ยกเลิกกิจการไปนั้น ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับสิทธิในการชำระเงินคืนเงินทุนก่อนผู้ที่ถือหุ้นสามัญ และกรณีที่บริษัทต้องการขายสินทรัพย์เพื่อมาชำระหนี้ ลำดับการชำระหนี้ของหุ้นบุริมสิทธิจะมีผู้ถือหุ้นกู้ ก็คือ ผู้หุ้นกู้ชำระเป็นอันดับแรก ตามด้วยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ และสุดท้ายผู้ถือหุ้นสามัญ ทั้งนี้หุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีวันครบกำหนดในการไถ่ถอนหรือชำระคืนเงินต้น จึงทำให้ถูกมองว่าหุ้นบุริมสิทธิเป็นการลงทุนระยะยาว คล้ายกับหุ้นสามัญมากกว่า
