fbpx
Search
Close this search box.

ด่วน! เตรียมเก็บภาษีขายหุ้น 0.1 % หลังจากที่ไม่ได้เก็บมานานกว่า 30 ปี

เตรียมเก็บภาษีขายหุ้น

ใครที่เล่นหุ้น เป็นสายหุ้นตัวยงห้ามพลาดกับข่าวนี้เลย ครม.ประกาศเตรียมเก็บภาษีขายหุ้น 0.1 เปอร์เซ็น หลังจากที่ได้รับการยกเว้นมานานกว่า 30 ปี ข่าวนี้ทำให้เกิดการส่งผลกระทบอย่างมากกับนักลงทุนในตลาดหุ้น เพราะจะเกิดความซับซ้อนของค่าใช้จ่ายที่จะมาเป็นภาระ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าการเก็บภาษีขายหุ้นจะมีรายละเอียดยังไง และส่งผลยังไงกับนักลงทุนบ้าง

       หลังจากที่กระทรวงการคลังเสนอให้มีการเก็บภาษีในอัตรา 0.1 เปอร์เซ็น ซึ่งจะเก็บจากการขายหุ้น เช่น เรามีหุ้นที่ต้องการขายอยู่มูลค่า 3 ล้านบาท ต้องเสียภาษีทั้งหมด 3,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ในที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติในหลักการร่างกฎหมาย แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันทีเพราะต้องรอให้ผ่านขั้นตอนจากคณะกรรมการกฤษฏีกา คาดการณ์ว่ากฎหมายจะเริ่มบังคับใช้ในไตรมาส 2 ปี 2566 ทั้งนี้จะทำให้หุ้น 3 กลุ่มได้รับผลกระทบ ได้แก่ 

  • หุ้นที่มี PE สูง จะมีรอบซื้อขายน้อยลง
  • หุ้นในกลุ่มโบรกเกอร์ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากผลประกอบการที่ลดลง
  • หุ้นที่มีการใช้มาร์จินในการซื้อขายสูง

       สำหรับการเก็บภาษีขายหุ้น 0.1 เปอร์เซ็น โดยเก็บจากธุรกรรมการขายหุ้น ซึ่งจะคำนวณจากรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.1 เปอร์เซ็นของมูลค่าที่ขายไป และหลังจากที่กฎหมายมีการบังคับใช้ในช่วงแรกจะมีการเก็บภาษีในอัตรา 0.055 เปอร์เซ็น เพื่อเป็นการปรับตัวก่อนและหลังจากนั้นจะเก็บภาษีขายหุ้นในอัตราปกติคือ 0.1 เปอร์เซ็น เพราะเป็นธุรกิจเฉพาะ ซึ่งหากใครให้โบรกเกอร์เป็นผู้จัดเก็บให้ ก็ต้องเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว และในปี 2534 เคยได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งในตอนนั้นยกเว้นภาษีขายหุ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถ้าหากกลับมาเก็บกระทรวงการคลังคาดว่ารัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นล้าน

       โดยการเก็บภาษีขายหุ้นครั้งนี้จะมีการยกเว้นในส่วนของกองทุนต่าง เช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม นอกจากนี้จะมีการเตรียมข้อเสนอในรายละเอียดการจัดเก็บภาษีให้กับกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนจากผู้ลงทุนในบางประเภท

ผลกระทบที่ได้รับหลังจากเก็บภาษีขายหุ้น 0.1 เปอร์เซ็น

       ถึงแม้รัฐบาลจะสามารถสร้างรายได้ปีละ 1 – 2 หมื่นล้านปีก็ตาม แต่ผลกระทบที่จะตามมานั้นคืออาจทำให้คนอยากซื้อขายหุ้นน้อยลง และต้องดูด้วยว่ากระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ หรือไม่ เพราะทุกๆการซื้อขายหุ้นจะมีต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับนักลงทุนทั้งหลาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่