Menu
และแล้วก็มาถึงฤดูกาลจ่ายภาษีที่คนไทยทุกคนต้องเจอทุกปี กับการยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2567 สารภาพกันมาหน่อยว่าใครที่เคยยื่นมาแล้ว แต่ก็ยังคงสับสนทุกปีบ้าง สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจเรื่องภาษี หรือการวางแผนภาษี วันนี้ ACU PAY จะมารวบรวมเทคนิคน่ารู้ก่อนยื่นภาษีให้เข้าใจได้มากขึ้นกัน
โดยปกติแล้ว คนไทยทุกคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดมีหน้าที่ต้องยื่นภาษี โดยแบ่งง่าย ๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนโสดที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี หรือมีรายได้ทางอื่นเกิน 60,000 บาทต่อปี และกลุ่มคนแต่งงานแล้วที่มีรายได้เกิน 220,000 บาทต่อปี หรือรายได้ทางอื่นเกิน 120,000 บาทต่อปี
โดยสามารถคำนวณได้จาก เงินได้พึงประเมิน หรือ เงินเดือนหรือรายได้ทั้งปีว่ามีเท่าไร ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือนประจำ (รวมทั้งปี) เงินโบนัส ค่าล่วงเวลาหรือ OT หรือเงินพิเศษทางอื่น
จากนั้น หาเงินได้สุทธิ เพื่อนำมาใช้ในการคำนวณภาษีก่อน โดยคำนวณจากการนำเงินได้ทั้งปีมารวมกัน แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
“เงินได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ”
ซึ่งก่อนยื่นภาษีนั้น เราสามารถลองคำนวณรายได้ที่ต้องยื่นภาษีนี้กับโปรแกรมคำนวณภาษีได้ในหลายเว็บไซต์ที่ให้ใช้งานได้ฟรี
ต่อมาให้นำเงินได้สุทธิ มาเทียบกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได
“ภาษี = [(เงินได้สุทธิ – เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้น) x อัตราภาษี] + ภาษีสะสมสูงสุดของขั้น”
| เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี | ภาษีสะสมสูงสุด (บาท) |
| 0 – 150,000 | ยกเว้นภาษี | 0 บาท |
| 150,000 – 300,000 | 5% | 7,500 บาท |
| 300,001 – 500,000 | 10% | 27,500 บาท |
| 500,001 – 750,000 | 15% | 65,000 บาท |
| 750,001 – 1,000,000 | 20% | 115,000 บาท |
| 1,000,001 – 2,000,000 | 25% | 365,000 บาท |
| 2,000,001 – 5,000,000 | 30% | 1,265,000 บาท |
| มากกว่า 5,000,000 | 35% | คำนวณตามจริง |
การลดหย่อนติดตัวที่ทุกคนมีและเราควรใส่ใจ อย่างค่าใช้จ่ายส่วนตัว และครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้รายการลดหย่อนเพิ่มเติมยังช่วยลดภาษีได้เยอะ เช่น พวกประกันสุขภาพ, ประกันชีวิต, ประกันบำนาญ, การลงทุนกองทุนรวม RMF SSF และ TESG, การบริจาค หรือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เป็นต้น ในส่วนของการลดหย่อนแนะนำให้ทยอยซื้อสะสม ไม่แนะนำให้จ่ายครั้งเดียวเป็นจำนวนมาก เพราะอาจส่งผลต่อสภาพคล่องของเราได้ ซึ่งแต่ละการลดหย่อน ควรศึกษาเงื่อนไขให้รอบคอบก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน ต้องระวังการจ่ายเงินที่มากเกินสิทธิ์สูงสุดของค่าลดหย่อนนั้น ๆ
ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้
อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบัน เราสามารถยื่นภาษีได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.rd.go.th ของกรมสรรพากร นอกจากจะสะดวกรวดเร็วแล้ว ระบบออนไลน์ยังลิงก์ข้อมูลลดหย่อนบางรายการ อย่าง ดอกเบี้ยกู้บ้าน เงินบริจาค ประกันชีวิต เป็นต้น ให้กับกรมสรรพากรอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาคำนวณหรือเสียเวลากรอกเลย และช่องทางออนไลน์นี้ยังยื่นได้นานถึง 8 เมษายน 2567 สำหรับปีภาษี 2566
แต่สำหรับใครที่มีรายได้เยอะอยากได้ความชัวร์ ก็สามารถไปยื่นภาษีได้ที่สรรพากรเขต โดยที่นั่นจะมีเจ้าหน้าที่ช่วยให้คำแนะนำต่าง ๆ ให้ แต่สำหรับช่องทางนี้จะต้องทำภายใน 31 มีนาคม 2567 เท่านั้น
สามารถทำผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรได้ทั้งแบบ โอนผ่านบัญชีธนาคาร หรือสแกน QR Code แต่ถ้าใครที่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มเป็นเงินก้อนใหญ่ก็อาจเลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ แต่จะไม่ได้คะแนนสะสม และอาจต้องเสียค่าธรรมเนียม 1% ในบางธนาคาร
สามารถเลือกรับเงินคืนในรูปแบบเช็ค หรือผ่าน ‘Prompt Pay’ ที่ผูกบัญชีธนาคารกับเบอร์โทรศัพท์มือถือหรือหมายเลขบัตรประชาชน ซึ่งถ้าได้รับอนุมัติ ระบบจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีอัตโนมัติ
หลังจากยื่นภาษีแล้ว แนะนำให้เก็บเอกสารหรือไฟล์ดิจิทัลที่ยื่นแล้วเก็บแยกไว้เป็นแต่ละปีโดยไม่ปะปนกัน เพราะสรรพากรสามารถขอดูเอกสารย้อนหลังได้นานถึง 5 ปี
เพียงแค่เรารู้จักวางแผนการจ่ายภาษีให้ดี การยื่นเสียภาษีในแต่ละปีก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นเรายังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
