Menu
ทางรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงนายกฯ แพทองธารเอง ก็มองว่าการจัด MoToGP มันไม่ใช่เรื่องกีฬาอย่างเดียว แต่มันเป็นเรื่องเศรษฐกิจล้วนๆ มันสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศได้เยอะมากอย่างลงทุนไป 400 กว่าล้านบาท แต่มูลค่าเศรษฐกิจที่กลับมาอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท เยอะกว่าเดิมสิบเท่า แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่มาดู แถมยังเดินทางต่อไปเที่ยวเมืองอื่นๆในไทยอีกด้วย
ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ถ้าเอาตัวเลขแบบภาพรวมทั้งหมดทั้งเรื่องการจ้างงาน รายได้ภาษี การใช้จ่ายต่างๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า ตัวเลขดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังโควิด มีคนดูงาน MoToGP ที่บุรีรัมย์ถึง 224,000 คน ใน 3 วัน ซึ่งเกือบเท่ากับปี 2562 แต่ปีนี้ได้มูลค่าเศรษฐกิจมากกว่าถึง 2,000 ล้าน เพราะต่างชาติอยู่ไทยนานขึ้น ใช้จ่ายเยอะขึ้นนั่นเอง
ในเรื่องงบจัดงาน ตอนนี้รัฐบาลช่วยครึ่งหนึ่ง เช่นปีล่าสุดลิขสิทธิ์ 420 ล้าน รับช่วย 200 ล้าน ที่เหลือต้องหาจาก Partner และกองทุนกีฬา แต่ถ้าโยนให้เอกชนทั้งหมดก็จัดไม่ไหวแน่นอน
ส่วน F1 (Formula1) ก็กำลังศึกษาอยู่ว่าถ้าจัดจริงๆ จะได้ผลตอบแทนขนาดไหน โดยให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาร่วมกับต่างชาติอยู่ ยังไม่มีตัวเลขชัดเจนเหมือน MoToGP แต่ที่แน่ๆ คือ F1 ใช้งบสูงกว่าเยอะ การตัดสินใจก็ต้องรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ทาง กกท. มองว่าไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าไทยไหวที่จะจัดMoToGP และ F1 ควบคู่กันไปเลยก็ได้ ขอแค่พิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์ต่อประเทศจริงๆ
ส่วนสนามแข่ง F1 ที่มีคนพูดถึงว่าอาจจะอยู่ที่ชลบุรี นายก้องศักด ยอดมณี กล่าวว่ายังไม่พร้อมตอนนี้ แต่ก็มีหลายทางเลือก สามารถปรับปรุงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ รัฐบาลพร้อมเดินหน้าสนับสนุนเต็มที่ งบไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องรีบตัดสินใจ เพราะหลายประเทศกำลังอยากเป็นเจ้าภาพ MoToGP อยู่เหมือนกัน ถ้าไทยช้าก็อาจจะเสียโอกาสได้เลย
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
