Menu
ยุคที่คนไทยเดินทางออกนอกประเทศกันมากขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด19 การใช้บัตรเครดิตในการรูดจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างประเทศกลายเป็นพฤติกรรมที่หลายคนเลือกที่จะใช้แทนการแลกเงินสดล่วงหน้าเนื่องจากมีความสะดวก ความปลอดภัย และสิทธิพิเศษจากบัตรมากมาย เช่น คะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน
แต่ในปี 2025 ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและค่าครองชีพในต่างประเทศก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
มาดูกันว่าการใช้บัตรเครดิตรูดจ่ายในต่างประเทศ ยังคุ้มอยู่ไหม
แม้ว่าการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศจะดูสะดวกสบาย แต่ผู้ถือบัตรควรตระหนักได้ว่าแทบทุกธนาคารของไทยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1.5% – 2.5% ของยอดชำระ ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่หลายคนมักไม่รู้ว่าเสียไปแล้ว เพราะมันรวมอยู่ในยอดบิลที่รูดเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้การรูดบัตรในต่างประเทศยังมีอีกสิ่งที่ควรระวังคือ อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่แน่นอน เพราะระบบจะคำนวณยอดค่าใช้จ่ายตามอัตราแลกเปลี่ยนในวันที่รายการถูกเคลียร์ ซึ่งล่าช้ากว่าวันที่รูดบัตร 1-3 วันและอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางบัตรอาจมีค่าธรรมเนียมการรูดบัตรในต่างประเทศแยกต่างหากจากค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินอีก เช่น ค่าธรรมเนียมชั่วคราวที่ถูกหักไว้ก่อนยอดจริง ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 7 – 14 วันในการคืนยอดส่วนเกินกลับเข้ามาในบัญชี
การใช้บัตรเครดิตรูดจ่ายในต่างประเทศมักจะมีสิทธิพิเศษที่ตามมาอย่าง การสะสมแต้มเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือประกันเดินทางแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายๆคนยังเลือกใช้บัตรเครดิต
บัตรเครดิตหลายใบจะให้คะแนนพิเศษเมื่อนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศ เช่น ได้แต้มถึง 2 เท่า แต้มเหล่านี้สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัล ไมล์สะสม หรือส่วนลดต่างๆได้และหากใช้ควบคู่กับแคมเปญของธนาคารที่เข้าร่วมก็จะได้เครดิตเงินคืนเพิ่มด้วย อีกอย่างที่หลายคนมักจะละเลยคือ ประกันเดินทางต่างประเทศ ถ้าใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินระบบจะถือว่าได้รับความคุ้มครองทันทีโดยอัตโนมัติ เช่น ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยที่ต่างประเทศ ค่าชดเชยเมื่อเที่ยวบินล่าช้า กระเป๋าหาย หรือประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสูงสุดถึงหลายล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร
การใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศให้ความสะดวกก็จริง แต่ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน เพราะถ้าพลาดขึ้นมาอาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตโดยไม่ได้ตั้งใจ
อย่างแรกคือการรูดผิดสกุลเงิน (DCC) ร้านค้าหลายแห่งโดยเฉพาะยุโรปหรือญี่ปุ่น มักจะเสนอให้ชำระเป็นเงินบาททันที ซึ่งมันสะดวกและเห็นยอดบิลชัดเจนแต่ความเป็นจริงคือ จะถูกคิดอัตราแลกเปลี่ยนที่แพงกว่าปกติถึง 3-5% และยังถูกคิดค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อนอีก วิธีแก้คือเลือกจ่ายเป็นสกุลเงินท้องถิ่นทุกครั้ง
การรูดเกินตัว หลายคนมักจะลืมไปแล้วว่าการใช้บัตรเครดิตไม่ใช่เงินสดในกระเป๋า การรูดจ่ายในแต่ละครั้งอาจจะดูเล็กน้อยครั้งละไม่กี่พัน แต่กว่าจะรู้ตัวยอดอาจพุ่งไปถึงหลายหมื่นบาท ถ้าเกิดว่าจ่ายไม่ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่สูงถึง 16% ต่อปีก็จะตามมาทันที
ความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย หากทำบัตรหายหรือโดนขโมยข้อมูล บางครั้งอาจมีรายการที่ถูกแอบรูดโดยที่ไม่รู้ตัว ดังนั้นควรเปิดแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ และตั้งวงเงินรายวันเอาไว้ทุกครั้งที่ใช้จ่ายในต่างประเทศ
“ในปี 2025 การใช้บัตรเครดิตรูดจ่ายในต่างประเทศยังถือว่า “คุ้ม” ถ้าหากใช้เป็นเพราะมันทั้งสะดวก ปลอดภัยและไม่ต้องพกเงินสดเยอะ และได้สิทธิประโยชน์หลายอย่าง ถ้าวางแผนดี เลือกใช้บัตรที่เหมาะสม รู้จักค่าธรรมเนียมเป็นอย่างดี และคุมค่าใช้จ่ายได้ บัตรเครดิตจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับการเดินทาง และยังเป็นทางเลือกที่คุ้มและปลอดภัยในการใช้จ่ายในต่างประเทศ”
อ้างอิงจาก
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
