ก่อนอื่นเรามาดูก่อนครับว่า CPI ย่อมาจากอะไร CPI ย่อมาจาก Consumer Price Index มีชื่อไทยเรียกว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งหมายถึง ตัวเลขทางสถิติที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ครอบครัวหรือผู้บริโภคซื้อหามาบริโภคเป็นประจำ ในปัจจุบันเปรียบเทียบกับราคาในปีที่กำหนดไว้เป็นปีฐาน
อันดับแรกเราจะมาอธิบายให้ชัดขึ้นนะครับว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคบอกอะไรเราบ้าง CPI จะแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคาสินค้าและบริการมักจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงค่าจ้างและเงินเดือนให้สอดคล้องกับราคาของที่เพิ่มขึ้นเช่นราคาหมู ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ เป็นต้น เพราะถ้าไม่มีการปรับค่าจ้างและเงินเดือนเพิ่มขึ้น จะทำให้เงินจำนวนเดิม ซื้อของได้น้อยลง ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือเงินมีมูลค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับสิ่งของ นอกจากการต่อรองอัตรา ค่าจ้างและเงินเดือนของสหภาพแรงงาน บริษัท ห้างร้านต่างๆ ก็ใช้ดัชนีราคาผู้บริโภคเป็นเกณฑ์ เช่นเดียวกัน เช่น บริษัทบางแห่งในไทยกำหนดว่าค่าจ้างจะต้องเพิ่มขึ้น 1 เซ็นต์ต่อปีเมื่อดัชนีราคาผู้บริโภคเปลี่ยนไป 0.5 เป็นต้น ดัชนีราคาผู้บริโภคยังถูกใช้ในการปรับปรุงค่าเช่าบ้าน การปรับอัตราค่าธรรมเนียมใช้ทางด่วน เป็นต้น และหากจะมองถึงสภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปดัชนีราคาผู้บริโภคจะเป็นตัวที่ชี้ให้เห็นภาวะของเงินเฟ้อหรือมูลค่าของเงิน และยังใช้เป็นเครื่องวัดอำนาจซื้อของผู้บริโภคอีกด้วย
ก่อนจะพาไปดูสูตรคำนวน ผลที่เป็นบวก และผลที่เป็นลบ เรามาดูข้อจำกัดในการใช้ดัชนีราคาผู้บริโภคกันก่อนนะครับ
การใช้ดัชนีราคาผู้บริโภคก็มีข้อจำกัดอยู่บางประการ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะนำไปใช้
คือถ้าเงินเฟ้อหรือค่า CPI เพิ่มเร็วมากเกินไปจะทำให้ระบบเศรษฐกิจหรือคนในประเทศนั้นๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ก็จะทำให้ค่าครองชีพหรือราคาสินค้า นั้นเพิ่มสูงมากขึ้น และทำให้ความต้องการในการจ้างงานสูงขึ้นประชากรต่างๆ ที่มีความสามารถในการใช้จ่ายก็จะทำให้สินค้าและบริการนั้นปรับตัวสูงขึ้นตามหลักของอุปสงค์และอุปทานซึ่งทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบอย่างมาก และจะทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ในอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะถ้าเกิดว่ามีความต้องการที่จะซื้อมากขึ้นก็จะทำให้ราคาสินค้านั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ถ้าหากว่ารายได้ของประชากรเติบโตไม่ทันกับราคาสินค้าก็จะทำให้เสี่ยงที่จะทำให้ฟองสบู่แตกได้ ทำให้อำนาจการซื้อของเงินก็จะลดต่ำลง เพราะเงินเฟ้อนั้นส่งผลให้มูลค่าของเงินลดลง ดังนั้น คนใดที่เก็บเงินไว้แล้วไม่นำไปลงทุนให้เกิดมูลค่าเพิ่มก็จะทำให้เงินนั้นมีมูลค่าน้อยลง ซึ่งจะทำให้ระบบกิจการขาดเสถียรภาพ และทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย และคนจนเพิ่มมากขึ้น
เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าค่า CPI หรือ ดัชนีราคาผู้บริโภค เป็นค่าที่มีความสำคัญมากๆ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบกับเราโดยตรงในการดำเนินชีวิตในโลกเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งที่เราทำได้คือปรับตัวและมองหาแง่มุมที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากการเฟ้อของเงินได้ บางกลุ่มธุรกิจเงินเฟ้ออาจจะส่งผลเสีย และแน่นอนว่าย่อมมีธุรกิจหรือหุ้นบางกลุ่มย่อมผลกระทบในทางบวก ลองมองโอกาสและใช้ประโยชน์จากเงินเฟ้อกันนะครับ
Reference : www.setinvestnow.com