Menu
ชาวไทย-ฮ่องกงเตรียมพร้อมใช้จ่ายสินค้าและบริการข้ามพรมแดนโดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาแลกเงิน โดยชำระผ่านระบบ QR Code ที่ตกลงร่วมกันระหว่างธนาคารกลางฮ่องกงและธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงการบริการทางการเงินและการคลัง รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ร่วมกับหน่วยงาน InvestHK เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม Hong Kong FinTech Week ประจำปี 2566 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง โดยนายเอ๊ดดี้ เยว่ ไหว่หมาน ซีอีโอขององค์การเงินตราฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority – HKMA) ได้พูดถึงการเชื่อมโยงระบบธุรกรรมทางการเงินดิจิทัล Faster Payment System (FPS) ของฮ่องกง กับระบบ PromptPay ของไทย
โดยสรุปว่าในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ชาวไทยและฮ่องกงสามารถจ่ายเงินข้ามกันได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาแลกเงิน โดยชาวฮ่องกงสามารถใช้ระบบการเงินดิจิทัล Faster Payment System หรือ FPS จ่ายค่าสินค้าและบริการในประเทศไทยได้ ในส่วนชาวไทยก็สามารถใช้ Promptpay จ่ายค่าสินค้าและบริการในประเทศฮ่องกงได้โดยตรง ผ่านระบบ QR Code ที่ตกลงร่วมกันระหว่างธนาคารกลางฮ่องกงและธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งปัจจุบัน ฮ่องกงมีร้านค้าที่รองรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบ FPS ประมาณ 50,000 แห่ง และมีจำนวนผู้ใช้บริการระบบ FPS เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยสถานะเดือนสิงหาคม 2566 มีผู้ใช้บริการระบบ FPS รวมทั้งหมด 12.81 ล้านราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากสถิติในปี 2565 ในขณะที่ประเทศไทยมีร้านค้าที่รองรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบ PromptPay จำนวนประมาณ 8 ล้านแห่ง
นอกจากนี้นายเอ๊ดดี้ เยว่ ไหว่หมาน กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดคริสต์มาส และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ชาวฮ่องกงจะสามารถใช้กระเป๋าเงิน FPS เพื่อสแกน และชำระเงินที่ร้านค้าในประเทศไทยมากกว่า 8 ล้านราย โดยไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากในการแลกเปลี่ยนดอลลาร์ฮ่องกงเป็นเงินบาทล่วงหน้าเหมือนเมื่อก่อน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับนายจอห์น ลี คา-ชิว (The Honorable John Lee Ka-chiu) ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน และความเชื่อมโยง ประเทศไทยและฮ่องกงเป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญ อีกทั้งต่างยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกันและกันอีกด้วย รวมถึงได้ชื่นชมความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจ (ease of doing business) ของฮ่องกงด้วย หวังให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือน พร้อมเชิญผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเยือนไทยด้วย
ด้านผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงกล่าวว่า ไทยและฮ่องกงมีความสัมพันธ์ที่ดี และเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เพื่อเป็นศูนย์กลางการดำเนินธุรกิจและจุดหลอมรวมระหว่างตะวันออกและตะวันตกอีกทั้งประตูสู่จีนแผ่นดินใหญ่ จึงเป็นโอกาสที่ดีให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันต่อยอดผลประโยชน์เศรษฐกิจและการเงินการธนาคาร ในสภาวะความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำในขณะนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ฮ่องกงมีบทบาทที่สำคัญ เชื่อมจีนกับส่วนอื่น ๆ ของโลก ตลอดจนบทบาทในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคด้านการค้า การเงิน และบริการ โดยไทยสามารถเป็นประตูสู่ภูมิภาคอาเซียนให้แก่ฮ่องกง และจีนได้ ซึ่งรวมถึงการเป็นประตูสำหรับธุรกิจ ตลอดจนสินค้าและบริการจากฮ่องกงและจีนได้ จึงหวังที่จะกระชับความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยง
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งฮ่องกงมีความเชี่ยวชาญ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทย เชิญชวนฮ่องกงมาลงทุนในไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย โดยไทยหวังที่จะเดินหน้าความร่วมมือเชิงลึกกับฮ่องกง เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงและนโยบายการพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อประสานและเชื่อมโยง EEC กับเขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง – ฮ่องกง – มาเก๊า (Greater Bay Area: GBA)
เวลาไปฮ่องกงก็จ่ายผ่านบัญชีธนาคารโดยเทียบอัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้นได้เลย คนไปเที่ยวก็จับจ่ายคล่องตัวขึ้น เจ้าของกิจการในไทยเปิดร้านขายสินค้า และบริการที่มีนักท่องเที่ยวฮ่องกงเยอะๆ ก็น่าจะได้ความสะดวกในการรับเงินมากขึ้นเหมือนกันเพราะเงินตรงไปบัญชีธนาคารเลย ลดจำนวนเงินสดจับต้องได้ลง ลดปัญหาการยักยอกภายในเบื้องต้นได้อีกเป็นผลข้างเคียง
