การลงทุนนอกจากจะเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบเดิม ๆ เช่น หุ้น กองทุน และทองคำ ยังมีการลงทุนอีกหนึ่งประเภทที่สามารถสร้าง Passive Income อย่างของสะสมต่าง ๆ ซึ่งครั้งนี้ Knight Frank ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้จัดอันดับผลงานของ Passion Investment น่าลงทุน ประจำปี 2566 ที่ผ่านมา ว่าในรอบ 1 ปี และ 10 ปีที่ผ่านมานั้น สินทรัพย์ราคาพุ่งขึ้นมาเท่าไรบ้าง
การลงทุนในงานศิลปะนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ตลาดงานศิลปะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2564 พบว่า มูลค่าการประมูลสูงถึง 1.708 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 6.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นที่ระดับ 60%
ซึ่งการสะสมงานศิลปะนั้นค่อนข้างกว้าง เพราะมีงานศิลปะหลากหลายแนว แต่หนึ่งในงานศิลปะที่นิยมซื้อขายกันในช่วงหลัง นั่นคือ งานศิลปะแนวป๊อปอาร์ต (Pop Art) และตัวคาแร็กเตอร์กล่องสุ่ม (Art Toy) ต่าง ๆ
พบว่าจากข้อมูลของ Knight Frank โดยเฉลี่ยแล้วภาพวาดใน 1 ปี ให้ผลตอบแทนราว 30% ต่อปี เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทนราว 109% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชิ้นงาน และชื่อเสียงของศิลปินนั้น หรือถ้าเป็นศิลปินใหม่ก็ต้องดูพัฒนาและความสม่ำเสมอว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกหรือไม่ในอนาคต ส่วนประเภทของงานศิลปะปัจจุบันภาพศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art) มีการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าศิลปะจากยุคอื่น ๆ
นอกจากนาฬิกาจะเป็นเครื่องประดับที่สวมใส่เพื่อบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังเป็นสินทรัพย์หรูมีค่า เป็นของสะสมที่หวือหวามากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์นาฬิกาหรูที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน ได้แก่ Rolex, Patek Philippe และ Audemars Piguet เนื่องจากเป็นแบรนด์คุณภาพสูงและพิเศษไม่เหมือนใคร นาฬิกาจากแบรนด์เหล่านี้มักจะรักษาคุณค่าหรือมูลค่าให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป อย่างการมีรุ่นที่จำกัดทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดการสะสมนาฬิกายังคงหอมหวานในเมืองไทย มีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามาลงทุนสะสมเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลของ Knight Frank แสดงให้เห็นว่า ผ่านไป 1 ปี นาฬิกาให้ผลตอบแทน 10% ผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 147%
ในโลกของการลงทุนในจิวเวลรีนั้นไม่เหมาะกับการซื้อมาขายไปเพื่อหวังกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ จิวเวลรีเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว นอกจากกำไรที่ได้แล้ว ก็คือความรู้สึกดีเมื่อได้สวมใส่
สำหรับการลงทุนในจิวเวลรี่ จากข้อมูลของ Knight Frank พบว่าผ่านไป 1 ปี จิวเวลรี่ให้ผลตอบแทน 10% เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 39% แนะนำให้เริ่มลงทุนในจิวเวลรีที่มาจากความชอบส่วนตัวก่อน แล้วค่อยจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความหลงใหลของเรา
ปกติแล้วทางกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จะมีการผลิตเหรียญกษาปณ์ประจำปีงบประมาณ และคอยปรับเปลี่ยนรูปลักษณะ พร้อมระบุปี พ.ศ.ที่ผลิตเอาไว้ด้านหลังของเหรียญ
โดยความพิเศษของเหรียญสะสมคือความลิมิเต็ด ไม่ผลิตซ้ำ นั่นเอง โดยทั่วไปนักสะสมมักจะสะสมเหรียญที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือ เหรียญที่ใช้เป็นที่ระลึก ก็ต่างมีราคาแตกต่างกันไป อย่างในไทยเคยมีการสะสมเหรียญ 10 บาท ปี 2533 นำไปขายได้ในราคาหลักแสนบาท
สำหรับการลงทุนสะสมเหรียญเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะให้ผลตอบแทน 8% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 59%
การลงทุนด้วยการสะสมรถยนต์นั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับในต่างประเทศ เพราะรถยนต์คลาสสิคส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากยุโรป โดยเฉพาะรถคลาสสิคที่เรียกว่าหาไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน ซึ่งยิ่งซื้อมาสะสมเอาไว้นานเท่าไหร่ยิ่งมีแต่ราคาจะขึ้น สำหรับในประเทศไทยนั้นกระแสการซื้อรถยนต์มาเพื่อสะสมและขายเพื่อสร้างผลกำไรเริ่มจะมีคนให้ความสนใจมากขึ้น เพราะการนำเข้าที่มากขึ้น
สำหรับการลงทุนในตลาดรถยนต์ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 5% แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 118% แนะนำให้ลงทุนในรถที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ก็ต้องมีเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องกันไว้เผื่อค่าซ่อมเพิ่มเติมด้วย
อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนของผู้ที่หลงใหลในรสชาติของไวน์ แต่ไม่ใช่ ‘ไวน์’ ทุกขวดจะน่าลงทุน เพราะผู้ลงทุนจะต้องทำการศึกษาเลือกสะสมไวน์ระดับกรองด์ครู (Grand cru) ที่ผลิตจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศ หรือจะลงทุนซื้อไวน์ อองพรีเมอร์ (En Primeur) ไวน์สดที่อยู่ในกระบวนการหมักและจะออกสู่ตลาดไม่เกินสองปีนับตั้งแต่วันเริ่มผลิต ซึ่งก็ต้องเป็นยี่ห้อดังและนิยมในกลุ่มนักสะสมด้วย
สำหรับการลงทุนในไวน์เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะได้รับผลตอบแทน 5% ผ่านไป 10 ปี จะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 149% ในด้านกำไรก็ให้ผลตอบแทนที่สูง แต่อาจขาดสภาพคล่องในการซื้อขายเพราะด้วยขนาดตลาดที่ยังไม่เติบโตในกลุ่มคนทั่วไป
‘เพชร’ ยังยืนหนึ่งเป็นทรัพย์สินที่มูลค่าเพิ่มเสมอ และเป็นสิ่งที่นักสะสมหลงใหลอยู่เสมอ การซื้อเพชรควรถือครองไว้นาน ๆ ควรเลือกซื้อแบบที่มีใบเซอร์ และต้องเข้าใจว่าเพชรมีหลายเกรด ตั้งแต่เพชรที่น้ำต่ำกว่า 90 ไปจนถึงน้ำ 100 ซึ่งเกรดที่ซื้อง่ายขายคล่องและเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดคือเพชรน้ำ 98
โดยเพชรที่มีราคาสูงที่สุดในปี 2566 คือ Bleu Royal ด้วยราคาสูงถึง 43.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.55 พันล้านบาท ที่งานประมูลของ Christie’s ในกรุงเจนีวา
ผ่านไป 1 ปี มีกำไรประมาณ 4% และเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี มีกำไรประมาณ 13% แต่ถึงอย่างนั้นความนิยมในอุตสาหกรรมค้าเพชรกลับลดลงกว่าแต่ก่อน เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมหันไปหาเพชรสังเคราะห์กันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ที่อาจให้คุณค่าต่อเพชรแตกต่างจากยุคก่อน
อย่างที่รู้กันดีว่ากระเป๋าแบรนด์เนม นอกจากเรื่องความสวยงาม ความหรูหรา และมีสไตล์แล้ว อีกหนึ่งคุณค่าของกระเป๋าแบรนด์เนมคือการเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับเจ้าของได้อีกด้วย
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สินค้า หรือของสะสมเหล่านี้สามารถทำกำไรได้สูงถึง 13% ในตลาดแฟชั่น และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยรุ่นกระเป๋าแบรนด์เนมที่นิยมลงทุน ได้แก่ CHANEL CLASSIC FLAP, HERMES BIRKIN, LOUIS VUITTON NEVERFULL เป็นต้น
การลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนมนั้น ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 1% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี มีกำไรเพิ่มถึง 60%
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหรือของตกแต่งบ้าน รู้หรือไม่ว่าสิ่งของเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าให้กับเราได้ ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนในสิ่งของที่กล่าวไปก่อน ๆ ที่มีจุดเด่นคือความหายากและลิมิเต็ด หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนั่นเอง
อย่าง โคมไฟฟ้าระย้า (แชนเดอร์เลีย) ก็เป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ใช่แค่ให้ความสว่าง แต่กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ เพราะมีตั้งแต่หลักแสน หลักล้าน หรือหลักสิบล้าน ซึ่งราคาโคมไฟระย้านี้กลับเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
สำหรับการลงทุนในเฟอร์นิเจอร์โดยทั่วไป ของตกแต่งบ้าน ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 0% และผ่านไป 10 ปี มีกำไร 13%
ใครที่เป็นสายดื่ม การซื้อเหล้าเก็บไว้ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เช่น ขวดวิสกี้หายาก ซึ่งการซื้อวิสกี้ใน ‘เกรดสำหรับการลงทุน’ จะต้องมีปัจจัยพื้นฐาน 2 อย่าง นั่นก็คือความหายากและคุณภาพ ตัวอย่างวิสกี้ที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างมากก็คือวิสกี้ที่เลิกผลิตไปแล้ว หรือมาจากโรงกลั่นในตำนานที่ปิดตัวลงไปแล้วเป็นต้น
สำหรับการลงทุนในเหล้าหายาก เมื่อผ่านไป 1 ปี จะมีกำไร -4% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี จะมีกำไรสูงกว่า 322%
อ้างอิงจาก
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |