fbpx
Search
Close this search box.

รวมของสะสม Passive Investment น่าลงทุน มูลค่าพุ่งกำไรสูง

การลงทุนนอกจากจะเป็นสินทรัพย์ในรูปแบบเดิม ๆ เช่น หุ้น กองทุน และทองคำ ยังมีการลงทุนอีกหนึ่งประเภทที่สามารถสร้าง Passive Income อย่างของสะสมต่าง ๆ ซึ่งครั้งนี้ Knight Frank ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้จัดอันดับผลงานของ Passion Investment น่าลงทุน ประจำปี 2566 ที่ผ่านมา ว่าในรอบ 1 ปี และ 10 ปีที่ผ่านมานั้น สินทรัพย์ราคาพุ่งขึ้นมาเท่าไรบ้าง 

1. งานศิลปะ

การลงทุนในงานศิลปะนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ตลาดงานศิลปะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2564 พบว่า มูลค่าการประมูลสูงถึง 1.708 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 6.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นที่ระดับ 60% 

ซึ่งการสะสมงานศิลปะนั้นค่อนข้างกว้าง เพราะมีงานศิลปะหลากหลายแนว แต่หนึ่งในงานศิลปะที่นิยมซื้อขายกันในช่วงหลัง นั่นคือ งานศิลปะแนวป๊อปอาร์ต (Pop Art) และตัวคาแร็กเตอร์กล่องสุ่ม (Art Toy) ต่าง ๆ

พบว่าจากข้อมูลของ Knight Frank โดยเฉลี่ยแล้วภาพวาดใน 1 ปี ให้ผลตอบแทนราว 30% ต่อปี เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทนราว 109% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชิ้นงาน และชื่อเสียงของศิลปินนั้น หรือถ้าเป็นศิลปินใหม่ก็ต้องดูพัฒนาและความสม่ำเสมอว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกหรือไม่ในอนาคต ส่วนประเภทของงานศิลปะปัจจุบันภาพศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art) มีการเคลื่อนไหวของราคามากกว่าศิลปะจากยุคอื่น ๆ 

2. นาฬิกา

นอกจากนาฬิกาจะเป็นเครื่องประดับที่สวมใส่เพื่อบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังเป็นสินทรัพย์หรูมีค่า เป็นของสะสมที่หวือหวามากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยแบรนด์นาฬิกาหรูที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน ได้แก่ Rolex, Patek Philippe และ Audemars Piguet เนื่องจากเป็นแบรนด์คุณภาพสูงและพิเศษไม่เหมือนใคร นาฬิกาจากแบรนด์เหล่านี้มักจะรักษาคุณค่าหรือมูลค่าให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป อย่างการมีรุ่นที่จำกัดทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดการสะสมนาฬิกายังคงหอมหวานในเมืองไทย มีผู้เล่นหน้าใหม่ ๆ เข้ามาลงทุนสะสมเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลของ Knight Frank แสดงให้เห็นว่า ผ่านไป 1 ปี นาฬิกาให้ผลตอบแทน  10% ผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 147%

3. จิวเวลรี่

ในโลกของการลงทุนในจิวเวลรีนั้นไม่เหมาะกับการซื้อมาขายไปเพื่อหวังกำไรในระยะเวลาสั้น ๆ จิวเวลรีเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว นอกจากกำไรที่ได้แล้ว ก็คือความรู้สึกดีเมื่อได้สวมใส่

สำหรับการลงทุนในจิวเวลรี่ จากข้อมูลของ Knight Frank พบว่าผ่านไป 1 ปี จิวเวลรี่ให้ผลตอบแทน 10% เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 39% แนะนำให้เริ่มลงทุนในจิวเวลรีที่มาจากความชอบส่วนตัวก่อน แล้วค่อยจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความหลงใหลของเรา

4. เหรียญ

ปกติแล้วทางกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จะมีการผลิตเหรียญกษาปณ์ประจำปีงบประมาณ และคอยปรับเปลี่ยนรูปลักษณะ พร้อมระบุปี พ.ศ.ที่ผลิตเอาไว้ด้านหลังของเหรียญ

โดยความพิเศษของเหรียญสะสมคือความลิมิเต็ด ไม่ผลิตซ้ำ นั่นเอง โดยทั่วไปนักสะสมมักจะสะสมเหรียญที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือ เหรียญที่ใช้เป็นที่ระลึก ก็ต่างมีราคาแตกต่างกันไป อย่างในไทยเคยมีการสะสมเหรียญ 10 บาท ปี 2533 นำไปขายได้ในราคาหลักแสนบาท 

สำหรับการลงทุนสะสมเหรียญเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะให้ผลตอบแทน 8% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี ให้ผลตอบแทน 59%

5. รถยนต์

การลงทุนด้วยการสะสมรถยนต์นั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับในต่างประเทศ เพราะรถยนต์คลาสสิคส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากยุโรป โดยเฉพาะรถคลาสสิคที่เรียกว่าหาไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบัน ซึ่งยิ่งซื้อมาสะสมเอาไว้นานเท่าไหร่ยิ่งมีแต่ราคาจะขึ้น สำหรับในประเทศไทยนั้นกระแสการซื้อรถยนต์มาเพื่อสะสมและขายเพื่อสร้างผลกำไรเริ่มจะมีคนให้ความสนใจมากขึ้น เพราะการนำเข้าที่มากขึ้น 

สำหรับการลงทุนในตลาดรถยนต์ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 5% แต่เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 118% แนะนำให้ลงทุนในรถที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ก็ต้องมีเงินจำนวนหนึ่งที่ต้องกันไว้เผื่อค่าซ่อมเพิ่มเติมด้วย

6. ไวน์

อีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนของผู้ที่หลงใหลในรสชาติของไวน์ แต่ไม่ใช่ ‘ไวน์’ ทุกขวดจะน่าลงทุน เพราะผู้ลงทุนจะต้องทำการศึกษาเลือกสะสมไวน์ระดับกรองด์ครู (Grand cru) ที่ผลิตจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศ หรือจะลงทุนซื้อไวน์ อองพรีเมอร์ (En Primeur) ไวน์สดที่อยู่ในกระบวนการหมักและจะออกสู่ตลาดไม่เกินสองปีนับตั้งแต่วันเริ่มผลิต ซึ่งก็ต้องเป็นยี่ห้อดังและนิยมในกลุ่มนักสะสมด้วย

สำหรับการลงทุนในไวน์เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี จะได้รับผลตอบแทน 5% ผ่านไป 10 ปี จะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 149% ในด้านกำไรก็ให้ผลตอบแทนที่สูง แต่อาจขาดสภาพคล่องในการซื้อขายเพราะด้วยขนาดตลาดที่ยังไม่เติบโตในกลุ่มคนทั่วไป

7. เพชรสี

‘เพชร’ ยังยืนหนึ่งเป็นทรัพย์สินที่มูลค่าเพิ่มเสมอ และเป็นสิ่งที่นักสะสมหลงใหลอยู่เสมอ การซื้อเพชรควรถือครองไว้นาน ๆ ควรเลือกซื้อแบบที่มีใบเซอร์ และต้องเข้าใจว่าเพชรมีหลายเกรด ตั้งแต่เพชรที่น้ำต่ำกว่า 90 ไปจนถึงน้ำ 100 ซึ่งเกรดที่ซื้อง่ายขายคล่องและเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดคือเพชรน้ำ 98 

โดยเพชรที่มีราคาสูงที่สุดในปี 2566 คือ Bleu Royal ด้วยราคาสูงถึง 43.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.55 พันล้านบาท ที่งานประมูลของ Christie’s ในกรุงเจนีวา

ผ่านไป 1 ปี มีกำไรประมาณ 4% และเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี มีกำไรประมาณ 13% แต่ถึงอย่างนั้นความนิยมในอุตสาหกรรมค้าเพชรกลับลดลงกว่าแต่ก่อน เพราะปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมหันไปหาเพชรสังเคราะห์กันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภค Gen Z ที่อาจให้คุณค่าต่อเพชรแตกต่างจากยุคก่อน

8. กระเป๋าถือ

อย่างที่รู้กันดีว่ากระเป๋าแบรนด์เนม นอกจากเรื่องความสวยงาม ความหรูหรา และมีสไตล์แล้ว อีกหนึ่งคุณค่าของกระเป๋าแบรนด์เนมคือการเป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับเจ้าของได้อีกด้วย 

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สินค้า หรือของสะสมเหล่านี้สามารถทำกำไรได้สูงถึง 13% ในตลาดแฟชั่น และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยรุ่นกระเป๋าแบรนด์เนมที่นิยมลงทุน ได้แก่ CHANEL CLASSIC FLAP, HERMES BIRKIN, LOUIS VUITTON NEVERFULL เป็นต้น

การลงทุนในกระเป๋าแบรนด์เนมนั้น ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 1% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี มีกำไรเพิ่มถึง 60% 

9. เฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหรือของตกแต่งบ้าน รู้หรือไม่ว่าสิ่งของเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าให้กับเราได้ ซึ่งก็เหมือนกับการลงทุนในสิ่งของที่กล่าวไปก่อน ๆ ที่มีจุดเด่นคือความหายากและลิมิเต็ด หาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนั่นเอง 

อย่าง โคมไฟฟ้าระย้า (แชนเดอร์เลีย) ก็เป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ใช่แค่ให้ความสว่าง แต่กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ เพราะมีตั้งแต่หลักแสน หลักล้าน หรือหลักสิบล้าน ซึ่งราคาโคมไฟระย้านี้กลับเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี

สำหรับการลงทุนในเฟอร์นิเจอร์โดยทั่วไป ของตกแต่งบ้าน ผ่านไป 1 ปี มีกำไร 0% และผ่านไป 10 ปี มีกำไร 13% 

10. ขวดเหล้าหายาก

ใครที่เป็นสายดื่ม การซื้อเหล้าเก็บไว้ก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง เช่น ขวดวิสกี้หายาก ซึ่งการซื้อวิสกี้ใน ‘เกรดสำหรับการลงทุน’ จะต้องมีปัจจัยพื้นฐาน 2 อย่าง นั่นก็คือความหายากและคุณภาพ ตัวอย่างวิสกี้ที่เป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างมากก็คือวิสกี้ที่เลิกผลิตไปแล้ว หรือมาจากโรงกลั่นในตำนานที่ปิดตัวลงไปแล้วเป็นต้น

สำหรับการลงทุนในเหล้าหายาก เมื่อผ่านไป 1 ปี จะมีกำไร -4% แต่เมื่อผ่านไป 10 ปี จะมีกำไรสูงกว่า 322%

ผู้เขียน

ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่