fbpx
Search
Close this search box.

บัตรเครดิต Vs บัตรเดบิต Vs e-Wallet ต่างกันอย่างไร?

บัตรเครดิต_Vs_บัตรเดบิต_Vs_e-Wallet_-02

        เรากำลังอยู่ในยุคที่กำลังเข้าสู่การชำระเงินแบบไร้เงินสด โดยมีตัวเลือกให้เราได้เลือกใช้อย่างมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้สิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการชำระเงิน เรามาดูความแตกต่างระหว่าง บัตรเครดิต, บัตรเดบิตและ e-Wallet กันครับว่าต่างกันอย่างไร

บัตรเครดิต

          เครดิตช่วยให้เราสามารถชำระเงินค่าสินค้า และบริการผ่านเงินที่ยืมมาจากธนาคาร ทุกสิ้นเดือน คุณจะต้องจ่ายเงินให้ธนาคารอย่างน้อยส่วนหนึ่งของเงินที่ใช้ไป

           บัตรเครดิตเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกบัตร (Issuer) ซึ่งได้แก่ธนาคารพาณิชย์ และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ออกให้แก่ลูกค้า (ผู้ถือบัตร หรือ Card Holder) ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับมีหลายประการ เช่น

  • ใช้แทนเงินสดเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการโดยยังไม่ต้องจ่ายเงินในทันที ณ ร้านค้าที่รับบัตร รวมถึงร้านค้าบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะสังเกตได้จากโลโก้ของเครือข่ายผู้ให้บริการบนบัตรและที่ร้านค้า ตัวอย่างเครือข่ายบัตรเครดิต เช่น VISA, Master Card, American Express, China Union Pay (CUP), Japan Credit Bureau (JCB)
  • เบิกถอนเงินสดจากเครื่อง ATM มาใช้ล่วงหน้าได้
  • รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัล, ส่วนลดจากร้านค้า, การผ่อนชำระสินค้าดอกเบี้ย 0%, เงินคืนจากการใช้จ่าย (cash back), ที่จอดรถ, ห้องรับรองตามสถานที่ต่าง ๆ และความคุ้มครองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ

บัตรเดบิต

          ต่างจากบัตรเครดิตตรงที่เราไม่ต้องยืมเงินจากธนาคาร แต่การทำธุรกรรมจากบัตรเดบิตจะถูกถอนออกจากบัญชีธนาคารของเราโดยตรง

          บัตรเดบิต คือ บัตรที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการที่เครื่อง ATM  ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และชำระค่า​สินค้าและบริการ (ซึ่งเป็นคุณสมบัติของบัตร ATM) และใช้ทำรายการชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้า รวมถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ได้  โดยจะเป็นการหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากทันที ในการชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้า ร้านค้าที่รับบัตรเดบิตจะติดสัญลักษณ์ของเครือข่ายบัตรเดบิตที่ออกบัตรร่วมกับธนาคารเจ้าของบัตร เช่น เครือข่าย VISA, Master Card, China Union Pay (CUP) เป็นต้น ผู้ถือบัตรจะชำระโดยการเซ็นชื่อในใบบันทึกการขาย (Sales Slip) หรือกดรหัส (Personal Identification Number: PIN) ทั้งนี้ รูปแบบขึ้นอยู่กับเครือข่ายของผู้ให้บริการบัตรเดบิตเป็นผู้กำหนด ส่วนการซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้ถือบัตรจะชำระโดยการระบุหมายเลขบัตรเดบิต 16 หลัก รหัส CVV (หมายเลข 3 หลัก ด้านหลังบัตร) วันหมดอายุของบัตร และรหัสผ่านใช้ครั้งเดียว (OTP: One Time Password) ที่ได้รับทาง SMS

e-Wallet

            e-Wallet (กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์)คือ ระบบการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ด้วย e-Money (อิเล็กทรอนิกส์)ซึ่งเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสำหรับเงินหลากหลายสกุลเงิน ด้วยระบบนี้จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานแอปพลิเคชันสามารถชำระค่าสินค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ หรือที่เรียกว่า Mobile Payment ในประเทศไทยมีผู้ใช้บริการมากมาย โดยผู้ที่จะเริ่มใช้ e-Wallet ต้องทำการสมัครสมาชิกกับทางบริษัทเจ้าของแอปเสียก่อน ถึงจะสามารถทำการชำระค่าสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยการเติมเงินเข้า e-Wallet หรือผูกกับบัญชีธนาคารก็ได้ ซึ่งสินค้าที่สามารถชำระผ่านแอปพลิเคชัน e-Wallet เราจะได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัล ส่วนลดจากร้านค้า เงินคืนจากการใช้จ่าย (cash back) เป็นต้น

            อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทั้ง 3 บริการอาจจะมีความคล้ายคลึงกัน และสามารถใช้ฟังก์ชันร่วมกันได้  แต่มีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างมาก เช่น

  1. การสัมผัส โดยถ้าเป็นบัตรเราจำเป็นที่จะต้องรูดบัตร หรือทำการแตะบัตร แต่ถ้าหากเป็น e-Wallet จะเป็นลักษณะการสแกน ซึ่งทำให้เราไม่ต้องจำเป็นที่จะสัมผัส
  2. ความปลอดภัย ค่อนข้างที่จะมีความใกล้เคียงกัน แต่ด้วยความที่ e-Wallet เป็นแอปพลิเคชั่นอยู่ในมือถือ การสูญหาย หรือการถูกลักขโมย หรือแม้แต่การถูกแฮค ย่อมไปได้ยากมากกว่า ซึ่งถ้าหากเรารวมใช้ e-Wallet โดยการผูกกับบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพกบัตรไปไหนมาไหนอีกต่อไป
  3. ด้านความสะดวก สบาย ค่อนข้างที่จะมีความต่างกัน ในปัจจุบันการที่เราออกจากบ้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือโทรศัพท์มือถือ เพราะสามารถที่จะทำได้หลายอย่าง และแอปพลิเคชัน e-Wallet ก็อยู่ในมือถือของเราอยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำให้การใช้งาน e-Wallet สามารถทำได้ค่อนข้างง่ายมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตที่เราจำเป็นจะต้องพกไปไหนมาไหน และค่อนข้างที่จะสามารถใช้ชำระสินค้า หรือบริการได้หลากหลายมากกว่าการใช้บัตร 

           ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ e-Wallet เองสามารถผูกและเชื่อมต่อกันได้ทำให้เราสามารถใช้งานจุดเด่นของแต่ละบริการจากบัตร และจาก e-Wallet ได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง 

ที่มา :  bot

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆสามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่