Menu
ถ้าพูดถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนยุคใหม่ ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่หลายคนคงเริ่มวางแผนการใช้เงินของตัวเองแล้วว่าต้องเป็นไปในทิศทางไหน อย่างไร? ซึ่งการใช้เงินมักจะถูกใช้ในเรื่องของการท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ซื้อความสุขให้กับตัวเอง ถึงเงินจะซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่เงินเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถ “ซื้อได้ทุกสิ่ง” อีกทั้งเงินยังเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบัน เดี๋ยวเรามาดูกันว่าพฤติกรรมการใช้เงินของคนแต่ละประเภทจะใช้เงินแตกต่างกันยังไง จะเหลือออมเงินมากกว่าการใช้จ่ายเงินมากแค่ไหน ไปดูพร้อมๆกันเลย
การใช้จ่ายเงินส่วนมากมักจะขึ้นอยู่พฤติกรรมเรารวมไปถึงคนรอบข้างของเราอีกด้วย เช่น คนโสด หลายคนอาจมีพฤติกรรมการใช้เงินที่สามารถใช้เท่าไหร่ก็ได้ไม่เดือดร้อนตามปริมาณเงินของตัวเอง เพราะจะมีแค่เราคนเดียว แต่ถ้าหากเรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นเช่น แฟน สามี – ภรรยา เราอาจจะต้องเริ่มคิดถึงเรื่องอนาคตด้วยกัน เพราะฉะนั้นพฤติกรรมการใช้เงินก็จะแตกต่างออกได้ อาจจะกินเที่ยวเล่นแบบไม่คิดเหมือนเมื่อตอนโสดไม่ได้แล้ว เป็นต้น ซึ่งเราได้รวมพฤติกรรมที่กำลังมาแรงของคนแต่ละประเภทในยุคนนี้กันว่าจะมีอะไรบ้าง
ใครเคยเจอปัญหาแบบนี้บ้าง “รายได้ดี เงินดี แต่ไม่มีเงินเก็บ” เป็นพฤติกรรมที่เน้นความสะดวก สบาย ซื้อความสุขให้กับตัวเอง และมีสังคมที่หรูหราจนเคยชิน โดยคนกลุ่มนี้จะไม่คิดเยอะเรื่องเงิน อยากได้หรืออยากทำอะไรก็จะทำจะใช้เงิน และไม่มีการวางแผนในอนาคต ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงในวัยเกษียณ จะกลายเป็นคนที่ไม่มีเงินเก็บ และอาจยังต้องทำงานต่อในวัย 60+ หรือต้องพึ่งพาลูกหลานในอนาคต
เป็นกลุ่มที่ทุ่มเทกับออมเงิน การลงทุนอย่างสุดโต่งและจริงจังเอามากๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้หวังที่จะมีอิสรภาพทางการเงินที่เร็ว และมีการวางแผนอย่างดุดันกว่าคนทั่วๆไป ข้อดีของคนกลุ่มนี้คือ สามารถยืดหยุ่นเวลาได้มากขึ้นเมื่อไม่ได้ทำงาน หรือไม่มีงานประจำ เพราะยังมีเงินออมสำรองใช้ได้อยู่ โดยคนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่จะใช้จ่ายอะไรต้องคิดหน้า คิดหลังก่อนว่าคุ้มไหมกับสิ่งที่เสียไป มีการวางแผนอย่างแน่นอนชัดเจนในเรื่องการใช้จ่าย และมักหาทางเริ่มรายได้ให้กับตัวเองตลอดเวลา
วิถีคู่รักที่ไม่มีลูก ในปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่หลายคนที่มีความคิดไม่ได้อยากมีลูก เพราะรู้สึกว่า “การมีลูกไม่ได้ช่วยให้ชีวิตรักของเราสมบูรณ์” แต่สามารถตอบโจทย์ได้ด้วยการใช่ชีวิต ไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่ต้องมากังวลเรื่องเงิน เช่น สามารถมีเงินได้เงินจากการช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่าย และในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูก
