ว่ากันว่าการจะเลี้ยงลูกคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นได้ ต้องเสียเงินไปจำนวนมากมายมหาศาล เรียกได้ว่าพ่อแม่จนลงไป 20 ปีเลยทีเดียว เพราะแบบนี้การวางแผนการเงินให้กับลูกน้อยเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญอย่างมาก ดังนั้นพ่อแม่มือใหม่ทุกคนควรเริ่มวางแผนเพื่อเก็บเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่ออนาคตการเงินที่ดีของลูก ซึ่งการออมเงินแบบมีแบบไหน แล้วแบบไหนเวิร์กสำหรับคุณ ตาม ACU PAY มาเลย
ก่อนเริ่มต้นออมเงินให้ลูก พ่อแม่จะต้องรู้วัตถุประสงค์และต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า จะวางแผนออมเงินเพื่อใช้จ่ายสำหรับอะไรบ้าง เช่น
หลังจากนั้นให้พิจารณาว่าภายในระยะเวลากี่ปีจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ เช่น
ตั้งเป้าเอาไว้ว่าภายใน 10 ปี จะออมเงินให้ลูกไว้สำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉิน 5 แสนบาท นั่นแปลว่า เราจะต้องออมเงินให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 2,000 บาท พอครบ 1 ปี ก็จะมีเงินเก็บ 42,000 บาท และภายใน 10 ปี จะมีเงินเก็บ 504,000 บาท
ซึ่งจำนวนอาจปรับให้เป็นไปตามกำลังของแต่ละบ้าน
การฝากประจำเป็นหนึ่งทางเลือกที่พ่อแม่มือใหม่หลายคนเลือกออมเงินให้ลูก เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ แถมยังฝึกวินัยในการฝากเป็นประจำทุกเดือน
เช่น ฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำ ไว้สำหรับจ่ายค่าเทอมลูก ที่สามารถถอนได้เมื่อครบกำหนด 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 1 ปี ถ้าเลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจำแบบ 3 เดือน ก็จะครบกำหนดของภาคเรียนพอดี หรือถ้าเลือกแบบ 1 ปี ก็จะครบปีการศึกษาพอดี
แนะนำให้เลือก ฝากประจำแบบปลอดภาษี จะดีกว่า เพราะนอกจากจะไม่เสียภาษีดอกเบี้ยแล้ว ยังได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากประจำทั่วไปอีกด้วย
เหมาะกับการออมในระยะยาว ตั้งแต่ลูกยังเล็กไปจนถึงตอนลูกเรียนมหาวิทยาลัย การออมเงินให้ลูกด้วยวิธีการใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะเป็นประกันชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อการออมเงินไว้ใช้ในอนาคต เมื่อเราส่งเบี้ยประกันครบตามระยะเวลาประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินคืนให้นั่นเอง
ในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างส่งกรมธรรม์ ตัวแทนของเราก็จะได้รับเงินก้อนนั้นไป คุ้มครองชีวิตและสร้างความมั่นคงให้กับลูกได้ในแม้ในวันที่เราไม่อยู่แล้วก็ตาม
การซื้อหุ้นกู้ในชื่อลูก โดยให้พ่อหรือแม่เป็นตัวแทนในการทำนิติกรรม เป็นตัวเลือกการออมเงินให้ลูกที่ค่อนข้างมั่นคงและปลอดภัย เพราะเราจะได้ดอกเบี้ยเป็นรายได้ทุก ๆ 6 เดือนและมีเงินต้นครบถ้าอยู่จนครบกำหนดอายุของหุ้นกู้
โดยการซื้อหุ้นกู้ เราจะมีฐานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ ของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้นั้น โดยบริษัทผู้ออกหุ้นก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่ได้ตกลงกันไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และจะชำระเงินต้นคืนเมื่อถึงวันครบกำหนดอายุของหุ้นกู้ ตั้งแต่ 3 ปี 5 ปี 7 ปี 10 ปี
เพียงเท่านี้ก็จะหมดห่วงถึงอนาคตของลูกน้อยแล้ว แนะนำให้พ่อแม่มือใหม่เลือกวิธีการออมเงิน ให้เหมาะกับเป้าหมายการออมและระยะเวลาที่จะใช้ แค่นี้ไม่ว่าออมเงินแบบไหนก็เวิร์กได้