fbpx
Search
Close this search box.

ทำไม “แนนซี เพโลซี” ถึงต้องเดินทางไป “ไต้หวัน”

ทำไม“แนนซี-เพโลซี”-ถึงต้องเดินทางไป-“ไต้หวัน”1200x630

          การเดินทางของ แนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต ครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจมากนักเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอก็มีท่าที่ต่อจีนตลอดชีวิตทางการเมือง

สารบัญ

แนนซี เพโลซี วัย 82 ปี

         บีบีซีรายงานว่า นางแนนซี เพโลซี เป็นสมาชิกรัฐสภามาถึงเกือบ 40 ปีแล้ว และตอนนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มักจะวิพากษ์วิจารณ์จีนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ชัดเจนไปกว่าตอนที่เดินทางไปกรุงปักกิ่งในปี 1991 โดยเธอไปยืนถือป้ายแสดงความเห็นใจเหยื่อเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน พร้อมกับเพื่อน ส.ส.ชายอีกสองคน

           นางเพโลซี อายุ 82 ปีแล้ว แต่ยังกระฉับกระเฉง และไม่ปิดบังท่าทีที่เรียกได้ว่าเป็นการเผชิญหน้ากับจีนอยู่เนือง ๆ ซึ่งรวมถึงการรู้จักมักคุ้นอย่างใกล้ชิดกับองค์ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต ที่ต้องลี้ภัยออกจากทิเบตเมื่อปี 1959 หลังการลุกฮือต่อต้านการปกครองของจีนล้มเหลว

        นางเพโลซี ยังเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลัง ผลักดันการตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ที่ออกมาชี้ว่าจีนก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และอาจจะเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์

        นางเพโลซีเคยให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Politico เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่า “หากคุณยืนหยัดปกป้องสิทธิมนุษยชนในจีนไม่ได้ เพียงเพราะผลประโยชน์ทางการค้า คุณก็หมดอำนาจที่ชอบธรรมในทางจริยธรรมทั้งหมด ที่จะพูดถึงสิ่งนี้ไม่ว่าที่ใดก็ตาม”

        การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซี ถือเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่สุดของสหรัฐฯ ที่เยือนไต้หวัน นับแต่ปี 1997 แต่เป็นข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนการเยือนไต้หวันครั้งนี้ของเธอ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ว่ากองทัพสหรัฐฯ คิดว่า “ไม่ใช่ความคิดที่ดี และชี้ว่าอาจถูกจีนมองว่าเป็นการยั่วยุได้

        แต่นางเพโลซี ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่ได้ยืนยันว่าจะไปไต้หวัน สวนกลับทันควันว่า “ฉันคิดว่าการสนับสนุนไต้หวันนั้นเป็นสิ่งสำคัญ”

ความเป็นมาของแนนซี เพโลซี

        นางเพโลซี เกิดเมื่อปี 1940 พ่อของเธอเป็นอดีตนายกเทศมนตรีของเมืองบัลติมอร์

        เพโลซี ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ครั้งแรก ตอนอายุ 12 ปี และได้ร่วมงานเลี้ยงในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ตอนที่เธอมีอายุ 20 ปี

        หลังจากนั้นเธอเริ่มทำงานทางการเมืองด้วยการอยู่เบื้องหลัง เป็นคนช่วยหาทุนและทำโครงการรณรงค์ให้พรรคเดโมแครตในรัฐแคลิฟอร์เนีย

        กระทั่งมีอายุได้ 47 ปี และลูกคนสุดท้องจากทั้งหมดห้าคนที่เธอมีกับนายพอล เพโลซี สามีซึ่งเป็นนักการเงิน ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วนั่นเอง ที่นางเพโลซี ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งตามที่นางซาลา เบอร์ตัน สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ แห่งซานฟรานซิสโก ขอให้ลงสมัครแทนเพราะนางเบอร์ตันนั้นป่วยและใกล้จะเสียชีวิต

        เพโลซี ได้รับเลือกตั้งในปี 1987 และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่นั้นมา และตอนนี้ เธอเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร มาสามสมัยแล้ว และเป็นผู้หญิงคนแรกในอเมริกาที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้

        แต่ว่าหนทางการเมืองของเพโลซีไม่ได้เกี่ยวพันเฉพาะกับเรื่องจีนเท่านั้น เธอคัดค้านตั้งแต่เรื่องการทำสงครามอิรักในปี 2003, สนับสนุนสิทธิของกลุ่มแอลจีบีทีมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 และ 1990 ตอนนั้นเรื่องนี้ยังไม่อยู่ในกระแสการเมืองของสหรัฐฯ เลย

        บีบีซีกล่าว่า ดังนั้น หากพิจารณาบทบาทและอุดมการณ์ทางการเมืองของเธอแล้ว การเดินทางเยือนไต้หวันครั้งนี้ของนางเพโลซี ยิ่งตอกย้ำจุดยืนของเธอในการต่อต้านการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่มองว่าไต้หวันไม่มีอธิปไตยของตนเอง และเป็นมณฑลหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่สักวันหนึ่งจีนต้องการให้กลับไปเป็นของจีน แม้ว่าจะต้องใช้กำลังทางทหารก็ตาม

ที่มา : BBCNEWS

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆสามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่