สาว ๆ หลายคนคงจะประสบปัญหาเครื่องสำอางใช้ไม่ทันกันมาเยอะเลยใช่ไหม ซึ่งถึงบางอันหมดจะอายุไปแล้ว แต่ก็เห็นว่ามันยังใช้ได้ปกติหนิ แล้วแบบนี้เราควรใช้อยู่ หรือควรโละทิ้งให้มันจบ ๆ วันนี้เอซียูเพย์จะมาตอบคำถามนี้กันค่ะ
เครื่องสำอางทุกอย่างล้วนมีวันสิ้นอายุขัย ไม่ว่าจะทั้งแกะใช้แล้ว หรือยังไม่ได้แกะในกล่อง โดยปกติเครื่องสำอางที่หมดอายุ มักเป็นแหล่งสะสมของสารปนเปื้อนและแบคทีเรียจำนวนมาก และเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกแบคทีเรียนี้เอง ที่จะสร้างความเสียหายให้กับผิวของเรา ถึงแม้ว่าเครื่องสำอางยังดูดีเหมือนใช้งานได้ปกติ แต่ตัดใจทิ้งไปดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผิวและหน้าของเราเอง
ผลค้างเคียงของการใช้เครื่องสำอางหมดอายุ มักมีอาการแพ้ รู้สึกระคายเคืองผิว อาจมีอาการคัน หน้าเป็นผื่นแดง และเกิดปัญหาสิว ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อโรค แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ที่มาจากครีมหรือเครื่องสำอางเสื่อมสภาพนั่นเอง โดยเฉพาะเครื่องสำอางใกล้เคียงกับบริเวณตา อย่างพวก อายไลเนอร์ มาสคาร่า หรืออายแชโดว์ที่หมดอายุแล้ว อาจส่งผลให้เกิดตาอักเสบเพราะติดเชื้อได้เลยทีเดียว
วิธีการดูฉลากเครื่องสำอางว่าหมดอายุตอนไหน ให้ลองพลิกกล่อง มองหาคำว่า MFG / MFD หมายถึง วันที่ผลิต ย่อมาจาก Manufacturing Date / Manufactured Date) ส่วน EXP / EXD หมายถึง วันหมดอายุ ย่อมาจาก Expiry Date / Expiration Date ซึ่งมักติดบริเวณกล่องผลิตภัณฑ์
แต่ส่วนใหญ่เครื่องสำอางมันจะใช้คำว่า Period After Opening (PAO) หรือ ช่วงเวลาวันหมดอายุหลังจากเริ่มเปิดใช้ ซึ่งมักจะมีสัญลักษณ์รูปบรรจุภัณฑ์เปิดฝาและมีตัวเลขกำกับบอกว่าใช้ได้กี่เดือน เช่น 6M หมายถึงใช้ได้ 6 เดือนหลังเปิดใช้ หรือ 12M หมายถึง ใช้ได้ 12 เดือนหลังเปิดใช้
ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเครื่องสำอางหมดอายุไปแล้วรึยัง ให้เราลองสังเกตที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ตามนี้เลย
ถ้ารองพื้นเริ่มแยกชั้น เป็นน้ำมันออกมา ไม่เป็นเนื้อเดียวกันแบบเมื่อก่อน แสดงว่ารองพื้นอันนี้หมดอายุแล้ว ถ้ายังใช้ต่อไป น้ำมันที่แยกตัวออกมา จะไปอุดตันรูขุมขนของเรา ทำให้เกิดสิวจากการแพ้เครื่องสำอาง อาจเกิดตุ่มหนองอักเสบได้ ซึ่งการแยกชั้นของรองพื้นเกิดจากความร้อนและความชื้น ลองเขย่าขวดรองพื้นดู ถ้าลองแล้วเนื้อไม่เข้ากันเหมือนปกติ ก็ทิ้งซะดีกว่า
มาสคาร่าที่ยังไม่ได้แกะใช้ สามารถอยู่นานถึง 2 ปี แต่โดยทั่วไปแล้ว มาสคาร่าควรเปลี่ยนมาสคาร่าทุก 3 – 6 เดือน ถ้ายังใช้มาสคาร่านานกว่านั้น เวลาปัดมาสคาร่าจะเป็นผง หล่นใต้ตาหรือเข้าตาเราได้ ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เหตุผลที่ควรเปลี่ยนเร็วก็เพราะว่า โดยปกติขนตาของเราจะทำหน้าป้องกันเศษฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมที่ปนมากับอากาศ กันไม่ให้เข้าไปในตาของเรา ดังนั้นการที่ปัดมาสคาร่าทุกครั้ง สิ่งสกปกที่สะสมในขนตาของเราก็จะปนเปื้อนลงไปในมาสคาร่าด้วย
นอกจากนี้วิธีเช็กมาสคาร่าหมดอายุสามารถทำได้ด้วยการ ดมกลิ่น ใช่ค่ะ ถ้าดมแล้วกลิ่นแปลก ๆ หรือกลิ่นที่เปลี่ยนไป ก็ควรซื้อมาสคาร่าอันใหม่มาใช้ดีกว่า
สำหรับครีมบลัชที่เป็นแบบต้องใช้นิ้วสัมผัสกับเนื้อครีมบ่อย ๆ แนะนำให้เปลี่ยน ปีละครั้ง เพราะอาจแบคทีเรียอาจก่อตัวมาทำร้ายผิวของเราได้ ส่วนถ้าเป็นครีมบลัชแบบแท่งและแบบอื่น ๆ นั้นสามารถยืดอายุได้ถึง 2 ปี ถ้าใช้ทิชชูเปียกแอลกอฮอล์ เช็ดทำความสะอาดตรงแท่งหัวครีมบลัชอย่างน้อยเดือนละครั้ง
อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์พวกครีมจะทำให้เกิดการระคายผิวและเกิดการอุดตันได้ง่าย ทางที่ดีก็ควรเปลี่ยนต่อปีดีกว่า
ให้สังเกตว่า ถ้ามีอาการคัน บริเวณรอบดวงตา บวม แดง หรือเกิดการอักเสบ นั่นแสดงว่าอายไลน์เนอร์นี้หมดอายุแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ใกล้บริเวณดวงตา ควรระมัดระวัง ยิ่งถ้าอายไลน์เนอร์เริ่มสีไม่ติด แห้ง และใช้ไม่ได้แบบเดิม ก็ทิ้งดีกว่า
เครื่องสำอางอื่น ๆ มีอายุใช้งานโดยประมาณ ตามนี้เลย
เครื่องสำอางชนิดขวดพลาสติกสามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
เครื่องสำอางหมดอายุที่ยังเหลือ สามารถบริจาคให้กับมูลนิธิต่าง ๆ ไว้ใช้แต่งหน้าศพ และช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติได้ โดยมีองค์กรหรือมูลนิธิที่ขอรับบริจาคเครื่องสำอางหมดอายุ เช่น โครงการพาคนรักกลับบ้าน จ. ลพบุรี และทีมจิตอาสาแต่งหน้าศพ
ทีนี้เริ่มเปิดกรุเครื่องสำอางของคุณออกมาเช็กวันหมดอายุได้แล้วนะ ยิ่งถ้าสภาพสีและกลิ่น แปลก ๆ ไม่เหมือนเดิม แล้วอ่านฉลากเห็นว่าหมดอายุแล้ว ก็ควรตัดใจทิ้งไปได้เลยดีกว่า อย่านำมาใช้เลย หน้าพังใช้ค่ารักษาแพงกว่าซื้อเครื่องสำอางใหม่อีกนะ