fbpx
Search
Close this search box.

ทำความรู้จัก Buffet Indicator เตือนหุ้นสหรัฐเสี่ยงฟองสบู่แตก

เคยได้ยินคำว่า “สภาวะฟองสบู่แตก” กันบ้างหรือเปล่า เชื่อว่านักลงทุนหลายคนที่ได้ยินคำนี้คงจะเจอฝันร้ายกันไม่ใช่น้อย ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องมีเครื่องมือเอาไว้ใช้ดูภาวะภาพรวมของตลาดหุ้น ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่นิยมนำไปใช้กัน นั่นก็คือ “Buffett Indicator” แล้ว เครื่องมือ Buffett Indicator นี้คืออะไร วันนี้ ACU PAY จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกัน

เนื้อหา

ทำความรู้จัก Buffet Indicator เครื่องมือเตือนฟองสบู่แตก

จากชื่อของเครื่องนี้ ก็พอจะคาดเดาได้ว่า มีที่มาจากต้นแบบนักลงทุน ที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั่วโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ย้อนกลับไปปี 2001 วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า วิธีดูภาพรวมตลาดหุ้นว่าช่วงนั้นถูกหรือแพง ราคามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ทำได้ง่าย ๆ โดยการเปรียบเทียบระหว่าง 

  1. มูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหุ้น
  2. มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศนั้น

กลายเป็นสูตร “Market cap to GDP ratio” ซึ่งคำนวณง่าย ๆ ด้วยการนำมูลค่าบริษัทของหุ้นทุกตัว หารด้วย GDP มูลค่าเศรษฐกิจ ในเวลาต่อมาก็ได้ถูกตั้งชื่อเป็น “Buffett Indicator” ตามชื่อของผู้คิดค้นนั่นเอง

สำหรับการใช้ Buffett Indicator ไม่ใช่เรื่องยาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ระบุว่า 100% คือมูลค่าที่เหมาะสม (Fair Valued) ถ้า Buffett Indicator มีค่าน้อยไปใกล้ 70% หมายถึงตลาดหุ้นอาจอยู่ในช่วงถูก ถือเป็นราคาที่น่าซื้อ (Undervalued) 

ในทางกลับกันหาก Buffett Indicator มีค่ามากพุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับ 200% นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นอาจอยู่ในช่วงแพงเกินมูลค่า (Overvalued) เป็นสัญญาณเตือนว่าหุ้นที่นักลงทุนกำลังเล่นอยู่ มีโอกาสเสี่ยงเกิดฟองสบู่แตกได้

ตัวอย่างการใช้ Buffett Indicator

Warren Buffett ได้ยกตัวอย่าง ปี 1999 Buffett Indicator ของสหรัฐอเมริกาเคยขึ้นไปเกือบถึง 200% หรือพูดง่าย ๆ ว่า ตลาดหุ้นมีมูลค่าคิดเป็นเกือบ 2 เท่าของมูลค่า GDP และเพียงปีเดียวหลังจากนั้น ก็ได้เกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมแตก (Dot-Com Crisis) ส่วนปีที่เป็นจุดสูงสุดของ Buffett Indicator เกิดขึ้นเมื่อปี 2020 ที่ทะลุ 200% ก่อนที่ดัชนี S&P 500 จะถูกเทลงกว่า -20% ในปีถัดไป

ข้อจำกัดในการใช้ Buffett Indicator

ถึงอย่างนั้น Buffett Indicator ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน อย่างเรื่องบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นนั้น มีบริษัทสัญชาติอื่นเข้ามาจดทะเบียน แต่ไม่ได้เข้ามาทำในธุรกิจในประเทศนั้น Buffett Indicator ก็ไม่อาจใช้งานได้ เพราะไม่สามารถสะท้อนอยู่ในมูลค่า GDP 

นอกจากนั้น การเปรียบเทียบข้อมูล Buffett Indicator ในอดีต ยังต้องพิจารณาถึงบริบทที่ต่างกันของช่วงเวลาประกอบด้วย เช่น มาตรการทางการเงิน และ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นต้น

Buffett Indicator ถือเครื่องมือที่มีประโยชน์ ในการช่วยวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้น โดยเทียบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ว่าหุ้นนั้นจะเกิด วิกฤติฟองสบู่ หรือไม่

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ผลประกอบการบริษัท และปัจจัยทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งเราควรวิเคราะห์เครื่องมือนี้ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ด้านอื่นพร้อมไปด้วยจะดีที่สุด 

อ้างอิงจาก

ผู้เขียน

ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่