Menu
หน้าหนาว อากาศเย็นยังโอเคกับค่าไฟ แต่พอเข้าหน้าร้อนทีไหร่ค่าไฟแพงขึ้นทุกที เคยสังเกตกันมั๊ยคะทุกคน? และค่าไฟเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะไม่ใช้ไฟเลยก็ไม่ได้แต่ไม่เป็นไร เพราะวันนี้ ACU จะพามาบอกเทคนิควิธีการประหยัดไฟฟ้าภายในบ้าน พร้อมบอกลาบิลค่าไฟแพงกัน
อย่างแรกที่ควรเลือกคือการซื้อแอร์หรือเครื่องปรับอากาศควรเลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดไว้ นอกจากนี้สิ่งที่ช่วยในการประหยัดค่าไฟเมื่อเปิดแอร์คือการปรับองศาอุณหภูมิแอร์ 25 องศา หรืออาจจะสูงขึ้นกว่านี้เล็กน้อยเป็น 26 – 27 องศาจะช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลง หรือถ้าหากทนไม่ไหวยังไม่หายร้อนอาจจะใช้พัดลมเป็นตัวช่วยในการกระจายความเย็น บอกเลยวิธีนี้ดีมากๆ และที่สำคัญใครที่มีแอร์อย่าลืมล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน หรือ 12 เดือน เพราะจะช่วยให้แอร์ทำงานดีขึ้น อีกทั้งห้องเรายังเย็นฉ่ำอีกด้วย
เป็นหลอดไฟที่มีราคาสูงกว่าหลอดไฟทั่วไป แต่สามารถประหยัดไฟได้มากกว่า 75 เปอร์เซ็น แถมยังมีอายุการใช้งานได้มากกว่าหลอดไฟธรรมดาทั่วไป ซื้อครั้งหนึ่งใช้คุ้ม ใช้ทน ประหยัดไฟ นอกจากนี้หลอดไฟ LED ยังมีความปลอดภัยต่อผิว ไม่เป็นอันตรายและให้ความสว่างที่ชัดเจนขึ้น และทุกครั้งที่ไม่มีคนอยู่ในบริเวณนั้นให้ปิดไฟทุกครั้งเพื่อเป็นการประหยัดไฟแบบคูณสอง
เพราะทุกครั้งที่เราเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า จะเป็นการกระตุ้นพลังงานมิเตอร์สูงในช่วงเปิดแรกๆ เพราะฉะนั้นการรีดผ้าใหม่ในทุกๆวันจะเป็นการเพิ่มค่าไฟเองโดยอัตโนมัติถึงแม้จะเป็นการรีดผ้าเพียงไม่กี่นาที การรีดผ้าครั้งละมากๆ จะช่วยให้ประหยัดไฟลดลง และยังทำให้เราไม่ต้องใช้พลังงานบ่อยๆอีกด้วย
ตู้เย็นนี่คือตัวกินไฟมากๆ เพราะเราต้องเสียบปลั๊กตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อแช่ของให้เย็น สด ใหม่ และสิ่งแรกที่ช่วยให้เราประหยัดไฟได้หรือการเลือกซื้อตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ห้า นอกจากนี้ควรตั้งตู้เย็นห่างออกจากกำแพงหรือผนังประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อให้เครื่องได้ระบายความเย็นออกมา ไม่แค่นั้นหมั่นละลายน้ำแข็งในตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ หรือจะทำทุกๆ 3 – 4 เดือน และไม่ควรนำอาหารร้อนๆ เข้าตู้เย็นอย่างทันที เพราะจะทำให้เครื่องทำงานหนักกว่าเดิม
ควรปลูกต้นไม้ไว้รอบๆบ้าน รอบๆอาคาร เพราะต้นไม้ใหญ่จะช่วยให้ความเย็นกับบ้านเรา อีกทั้งยังช่วยบังแดดเพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนเกินไป และต้นไม้ยังช่วยสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้กับเราอีกด้วย
