fbpx
Search
Close this search box.

หุ้นไทยกลุ่มไหน ให้ค่าผลแทนมากที่สุดในปี 2565

หุ้นไทยกลุ่มไหน ให้ค่าผลแทนมากที่สุด

หากพูดถึงการลงทุนในช่วงที่ตลาดการลงทุนผันผวนไปเกือบทุกประเภท ทำให้นักลงทุนต้องเรียนรู้และตัดสินใจดีๆ ว่าควรจะซื้อตัวไหน และอย่างที่รู้กันว่าการลงทุนมีความเสี่ยงเชื่อว่าราคาหุ้นจะปรับสูงขึ้นกว่าวันที่ซื้อ และหุ้นนั้นจะจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เดี๋ยววันนี้เรามาดูกันว่าจะมีหุ้นไทยกลุ่มไหนบ้างที่มาแรงที่สุด และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า?

หุ้นคืออะไร

       หุ้น คือ สิ่งที่เจ้าของกิจการออกให้กับนักลงทุนเพื่อแสดงสิทธิ์การเป็นเจ้าของตามสัดส่วนที่ลง ยิ่งถือหุ้นมากเท่าไหร่ก็สามารถแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้มากขึ้นเท่านั้น โดยทั้งหมดจะมีส่วนได้ในทรัพย์สิน รายได้กิจการ และส่วนเสียของกิจการได้เช่นกัน โดยจะมีเงินปันผลตามของตกลงของกิจการนั้นๆ ซึ่งในปีนี้กลุ่มหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนสูงมีทั้งหมด 6 กลุ่มด้วยกัน

  • กลุ่มด้านการแพทย์  บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มการแพทย์คือ “กรุงเทพดุสิตเวชการ” เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง โดยบริหารโรงพยาบาลทั้งหมด 49 แห่ง และในหลายๆที่ก็ได้การรับรองคุณภาพระดับสากล โรงพยาบาลที่อยู่ในเครือข่ายของกรุงเทพดุสิตเวชการ ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลเปาโล โรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาบเทพากร  โรงพยาบาลดีบุก โรงพยาบาลจอเทียน โรงพยาบาลศรีระยอง โดยมีมูลค่าทั้งหมด 469,000 ล้านบาท มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 29.3 เปอร์เซ็น ลดลงมาเป็น 28.3 เปอร์เซ็น
  • กลุ่มด้านการท่องเที่ยวและสันทนาการ บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการคือ “โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา” เป็นเครือเซ็นทาราซึ่งมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อีกทั้งยังเป็นธุรกิจโรงแรมแห่งแรกที่ได้รับพระราชทานตราตั้งครุฑพ่าห์อันมีเกียรติ ในปัจจุบันมีโรงแรมด้วยกันทั้งสิ้นกว่า 80 โรงแรม และยังมีการก่อนสร้างเพิ่มเติมอีก 14 ประเทศ โดยมีมูลค่าทั้งหมด 63,000 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 27.0 เปอร์เซ็น เพิ่มขึ้นมาเป็น 50.4 เปอร์เซ็น
  • กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์คือ “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)” ที่ก่อตั้งมาในปี 2531 แล้วได้เติบโตขึ้นมาอย่าต่อเนื่อง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของเดลต้า ได้แก่ ระบบจัดการพลังงานสำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศ ยานยนต์ ระบบโทรคมนาคม ระบบอุตสาหกรรม สำนักงานอัตโนมัติ อุตสาหกรรมการแพทย์ รวมถึง เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ตัวแปลงกระแสไฟฟ้าDC-DC และ อะแดปเตอร์ โดยมีมูลค่าทั้งหมด 813,000 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 31.0 เปอร์เซ็น เพิ่มขึ้นมาเป็น 58.3 เปอร์เซ็น
  • กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริษัทที่มีมูลมากที่สุดในกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์คือ “ท่าอากาศยานไทย” โดยธุรกิจหลักประกอบด้วย การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน โดยมีท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีมูลค่าทั้งหมด 1,064,000 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 9.1 เปอร์เซ็น เพิ่มขึ้นมาเป็น 22.1 เปอร์เซ็น
  • กลุ่มบริการเฉพาะกิจ บริษัทที่มีมูลมากที่สุดในกลุ่มบริการเฉพาะกิจคือ “เอสไอเอสบี” เป็นการจัดตั้งโรงเรียนประเภทโรงเรียนนานาชาติ และยังให้บริการอื่นๆ ในด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี และ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย โดยมีมูลค่าทั้งหมด 19,000 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 23.4 เปอร์เซ็น เพิ่มขึ้นมาเป็น 113.8 เปอร์เซ็น

กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือ “เซ็นทรัลพัฒนา” ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่ครบวงจรแห่งแรกในประเทศ และในปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์เช่น โครงการบ้านที่พักอยู่อาศัย อาคารสำนักงานต่าง และโรงแรม โดยมีมูลค่าทั้งหมด 310,000 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม 7.7 เปอร์เซ็น เพิ่มขึ้นมาเป็น 22.1 เปอร์เซ็น

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่