Menu
จากข้อมูลจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าเพศของสัตว์เลื้อยคลาน เช่น เต่าและจระเข้นั้นไม่ได้ถูกกำหนดในช่วงปฏิสนธิของสัตว์ แต่ว่าจะขึ้นกับอุณหภูมิที่ได้รับ โดยเต่าจะขึ้นบนบกเพื่อขุดทรายและฟักไข่ เมื่ออุณหภูมิในทรายต่ำกว่า 27.7 องศา ลูกเต่าที่ออกมาจะเป็นตัวผู้ แต่ถ้าอุณหภูมิในทรายมีอุณหภูมิสูงกว่า 31 องศาเซลเซียสลูกเต่าจะฟักออกมาเป็นตัวเมีย
ซึ่งจากสถิติ 4 ปีที่ผ่านมานั้นด้วยอากาศที่ร้อนทำให้ไข่เต่าที่ฟักออกมาไม่พบเต่าตัวผู้ออกมาเลยมีเพียงตัวเมียเท่านั้น มีเต่าทะเลอยู่ทั้งหมด 7 สายพันธุ์ และไข่ทุกสายพันธุ์จะฟักเป็นตัวเมียมากขึ้นเมื่ออากาศอุ่นขึ้น โดยในปี 2023 ที่ผ่านมาที่แนวชายฝั่งสเปซโคสต์ ในฟลอริดา มีเต่าขึ้นมาวางไข่สูงที่สุดกว่า 52,000 รัง
แต่กลับกลายเป็นว่า เต่าที่เกิดใหม่เหล่านี้กว่า 99% ล้วนเป็นเพศเมียทั้งสิ้น ด้วยอากาศที่ร้อนนั้นมันเร็วเกินไปที่สัตว์หลายชนิดจะปรับตัว เต่าก็เช่นกัน จากเหตุการณ์นี้ทำให้ประชากรเต่าตัวผู้มีจำนวนน้อยมากอาจจะส่งผลต่อการขยายพันธุ์ของเต่าทะเลซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงถึง ขั้นสูญพันธุ์ได้เลยในอนาคต
และในตอนนี้ด้วยการที่ปัญหานี้เกิดขึ้น มีนักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่มพยายามหาแนวทางการลดอุณหภูมิการฟักไข่เพื่อให้เพิ่มประชากรเต่าตัวผู้ โดยมีการเคลื่อนย้ายไข่ให้ไปอยู่ในบริเวณที่มีร่มมากขึ้นและทำการแยกไขให้กระจายเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อช่วยลดอุณหภูมิของหนุ่มฟักไข่
นอกจากนี้ยังมีบริษัทครีมกันแดดและโครงการอนุรักษ์เต่าทะเลที่สนใจมาช่วยอนุรักษ์ป้องกันเหล่าเต่าทะเล โดยทำโดมที่จะเข้ามาช่วยควบคุมอุณหภูมิของ สายบนชายหาดโดยโดมที่สร้างนั้นจะสร้างมาจากฝีมือของคนในพื้นที่ โดยวัสดุธรรมชาติอย่างเช่นไม้ จากโครงการนี้ทำให้สามารถลดอุณหภูมิภายในทรายที่มีไข่ฝั่งอยู่ได้ถึง 4 องศาเซลเซียสซึ่งนวัตกรรมนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จและมองว่ามีผลกระทบเชิงบวกต่ออนาคตของเต่าทะเล
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นได้เลยว่าอุณหภูมิของโลกเริ่มสูงขึ้นมากจริง ๆ ไม่ใช่ว่าแค่มนุษย์ที่รู้สึกร้อนแต่เต่าและสัตว์หลาย ๆ ชนิดก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้มนุษย์ควรตระหนักถึงปัญหาของภาวะโลกร้อนมากกว่านี้ เพื่อสร้างความสมดุลทางธรรมชาติและให้ทุกสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตต่อได้อย่างปกติ
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY
