fbpx
Search
Close this search box.

ก่อนเลือกรถมือสอง ต้องรู้อะไรบ้าง?

ใครหลายคนที่มองหารถยนต์ แต่บางทีงบประมาณจำกัด “รถมือสอง” จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มองหารถมือสองสภาพดีไว้ใช้งาน สำหรับคนที่ไม่เคยเลือกซื้อรถมือสองเลย เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าว่า จะเริ่มต้นจากตรงไหนให้ได้รถคุณภาพดี คุ้มราคาและไม่ให้โดนหลอก

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดงบประมาณที่ต้องการ

เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดก่อนการเลือกซื้อรถมือสองคือการกำหนดงบประมาณที่เหมาะกับสถานะทางการเงินของคุณ คุณสามารถค้นหารถรุ่นต่าง ๆ ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ สมมติว่าคุณมีงบประมาณอยู่ที่ 370,000 บาท คุณสามารถรับเงินกู้รายเดือนได้ตั้งแต่ 2,000  3,500 บาทเป็นเวลา 5 ถึง 7 ปีขึ้นอยู่กับรายจ่ายรายเดือนของคุณ 

วิธีคำนวณยอดสินเชื่อรวมตามรายได้ของคุณ 

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าราคารถไม่เกินค่าจ้างรายปีของคุณ
  • การชำระเงินต่อเดือนควรมากกว่า 15% ของเงินเดือนทั้งหมดของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รถตามความต้องการตามสถานะทางการเงินของคุณ เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น คุณสามารถใช้ตัวช่วยคำนวณเงินกู้เพื่อช่วยจัดสรรงบประมาณอย่างถูกต้อง

ขั้นตอนที่ 2 : สำรวจแพลตฟอร์มออนไลน์รถมือสองทุกที่และตรวจสอบความน้าเชื่อถือ

ในยุคปัจจุบันนี้ ข้อมูลทุกอย่างอยู่ที่ปลายนิ้ว คุณไม่ต้องเดินทางไกลไปยังตัวแทนจำหน่ายรถเพื่อสำรวจรถยนต์มือสองอีกต่อไป เนื่องจากมีแพลตฟอร์มออนไลน์มากมายที่ให้บริการซื้อขายรถมือสอง การได้ลองนั่งสำรวจเก็บข้อมูลตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก่อน จะทำให้คุณเลือกซื้อรถมือสองที่ต้องการได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการซื้อขายรถยนต์ออนไลน์ยังช่วยให้คุณสามารถตั้งค่า “ตัวกรอง” ตามงบประมาณ และ ความต้องการที่ตั้งไว้ ซึ่งจะทำให้การเลือกรถที่อยู่ในงบประมาณของคุณนั้นง่ายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ควรดูว่าแพลตฟอร์มนั้นๆ ดูน่าเชื่อถือเพียงใดก่อนตัดสินใจซื้อผ่านแพลตฟอร์มนั้นๆ 

ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบอายุของรถยนต์

เช่นเดียวกับงบประมาณ การกำหนดขีดจำกัดอายุของรถยนต์มือสองก็เป็นเคล็ดลับสำคัญที่ควรทราบเช่นกัน ตัวอย่างเช่น งบประมาณ 500,000 บาท คุณจะมีตัวเลือกรถยนต์มือสองหลากหลายประเภทที่คุณสามารถซื้อได้ หากคุณกำหนดอายุของรถมือสองที่ต้องการไว้แล้ว คุณสามารถตั้งค่าตัวกรองเพื่อจำกัดการค้นหาของคุณให้แคบลงได้ (เช่น – รถยนต์ไม่เกิน 5 ปี)

ขั้นตอนที่ 4 : ตรวจสอบไมล์สะสมของรถยนต์

โดยทั่วไป หากไมล์สะสมของรถที่ใช้มีค่าสูง สิ่งนี้จะส่งผลต่อมูลค่าของรถ คุณควรเลือกรถที่มีระยะทางต่ำถึงปานกลางซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในคุณภาพได้ง่ายขึ้น รถยนต์ที่ใช้ไมล์ต่ำถึงปานกลางมักให้คุณภาพใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณจะพบในรถคันใหม่เอี่ยม แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุของรถด้วย การซื้อรถที่มีไมล์สะสมสูงกว่าแต่รถใหม่กว่า จะดีกว่าการซื้อรถรุ่นเก่าที่มีไมล์สะสมต่ำ เนื่องจากส่วนประกอบในรถจะเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไปไม่ว่าจะขับไปไกลแค่ไหนก็ตาม

ขั้นตอนที่ 5 : ตรวจสอบประวัติของรถยนต์

ควรตรวจสอบประวัติของรถก่อนตัดสินใจเลือกรถมือสอง โดยปกติแล้วรถยนต์มือสองที่ขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอาจมีประวัติของมันเองซ่อนอยู่ สืบประวัติล่วงหน้าว่ารถที่คุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุใหญ่ ๆ, การยกเครื่องครั้งใหญ่ , เคยถูกน้ำท่วมหรือไม่, เปลี่ยนเจ้าของกี่ครั้ง ฯลฯ เพราะทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อการบำรุงรักษารถในระยะยาว หลีกเลี่ยงการถูกหลอกโดยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสมบูรณ์แบบของรถ

ขั้นตอนที่ 6 : บันทึกตารางการบำรุงรักษารถยนต์ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

รถยนต์มือสองที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอตามกำหนดเวลา แสดงให้เห็นว่ารถอยู่ในสภาพดี หากเป็นไปได้คุณควรมองหาเจ้าของรถที่เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งศูนย์บริการเหล่านี้จะมีบันทึกการให้บริการทั้งหมดกับรถอย่างถูกต้อง ข้อมูลการบำรุงรักษานี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรถมือสองที่คุณต้องการซื้อ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนอะไหล่ หรือ ความเสียหายที่สำคัญของเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถ

ขั้นตอนที่ 7 : ตรวจสอบภายนอกและภายในของรถ

คุณควรตรวจสอบรอยบุบ, การกระแทก หรือ ข้อบกพร่องทั้งภายนอก และ ภายในของรถที่คุณวางแผนจะซื้อ เพราะหากรถมีปัญหาเหล่านี้ การแก้ไขอาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและมีค่าใช้จ่ายสูง สิ่งที่คุณทำได้คือพยายามต่อรองเพื่อขอส่วนลด หากคุณตรวจพบความเสียหายบนรถที่เจ้าของไม่ต้องการซ่อม ก็อย่าลืมคำนึงถึงค่าซ่อมแซมที่คุณต้องจ่ายเองภายหลัง

ขั้นตอนที่ 8 : ตรวจสอบชิ้นส่วนอื่น ๆ ของรถว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่

 นี่คือรายการสิ่งที่คุณควรระวัง เมื่อตรวจสอบชิ้นส่วนเพิ่มเติมทั้งหมดของรถ

  • ไฟสูง และ ไฟต่ำ, ไฟตัดหมอก และ ไฟฉุกเฉิน
  • เครื่องปรับอากาศ
  • แตรรถ
  • เครื่องเล่นวิทยุ และ เครื่องเล่นแผ่นซีดี หรือ หน้าจอสัมผัส
  • ที่จับประตูรถ และ กระโปรงท้ายรถ
  • สวิตช์กระจกไฟฟ้า, กระจกมองข้าง
  • ซ็อกเก็ต 2.4V หรือ หัวเทียน
  • ถังปั๊มน้ำมัน, ฝากระโปรงหน้า และ ท้ายรถยนต์
  • เข็มขัดนิรภัย และ ที่ปรับระดับที่นั่ง
  • ฝาครอบยางรถยนต์ และ กล่องเครื่องมือ
  • ไฟแสดงสถานะแผงควบคุม

ขั้นตอนที่ 9 : ตรวจสอบประวัติของรถยนต์

เมื่อคุณพึงพอใจกับรูปลักษณ์ภายนอก และ ภายในของรถแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบเครื่องยนต์ หากคุณไม่คุ้นเคยกับเครื่องยนต์ของรถโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องทางเทคนิค ให้ขอความช่วยเหลือจากช่างที่เชื่อถือได้ เพียงแค่ฟังเสียงเครื่องยนต์ พวกเขาก็สามารถรู้ได้ว่ามีอะไรที่ผิดปกติและสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับรถที่คุณต้องการซื้อได้ แต่ถ้าคุณต้องการทำด้วยตัวเอง นี่คือคำแนะนำที่คุณสามารถทำตามได้

  • ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน
  • ในการตรวจสอบสภาพหม้อน้ำให้เปิดฝาด้านบน เพื่อตรวจสอบความขุ่นน้ำของหม้อน้ำ
  • ตรวจสอบสายเคเบิลเชื่อมต่อว่ามีความเสียหาย หรือ ถูกตัดการเชื่อมต่อหรือไม่
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนประกอบใดหลุดออก, เสื่อมสภาพ หรือ เสียหาย
  • ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง

ขั้นตอนที่ 10 : ตรวจสอบประวัติของรถยนต์

ไม่ว่าคุณจะซื้อรถมือสองมาจากที่ใด ไม่ว่าจะมาจากตัวแทนจำหน่าย หรือ เจ้าของรถยนต์ คุณมีสิทธิ์ทุกประการในการทดลองขับรถก่อนตัดสินใจซื้อ การทดลองขับจะทำให้คุณได้รับความพึงพอใจสูงสุด และ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณต้องการซื้อรถคันนั้นหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อนำรถมาทดลองขับ มีดังนี้

  • ทดสอบเบรกรถ ตรวจสอบว่ามีเสียงแปลก ๆ ระหว่างเบรกหรือไม่
  • ทดสอบพวงมาลัยระหว่างเลี้ยว (เลี้ยวหักศอก หรื อเลี้ยวปกติ) ระวังเสียงแปลก ๆ เมื่อคุณเลี้ยว
  • ทดลองขับในพื้นที่ขรุขระ เพื่อตรวจสอบล้อ,ช่วงล่าง และ เกียร์
  • ขับรถด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน เพื่อทดสอบเครื่องยนต์
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกียร์ของรถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นไม่ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติหรือ เกียร์ธรรมดา

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่