‘ความสม่ำเสมอ’ กุญแจลับของทุกความสำเร็จ

หลายคนอยากประสบความสำเร็จไม่ว่าจะในเรื่องเรียน หน้าที่การงาน การเงิน ความรัก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จได้ ถ้าขาดสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ ‘ความสม่ำเสมอ’ หรือการทำสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันติดต่อกัน แล้วทำไม ‘ความสม่ำเสมอ’ ถึงช่วยให้เราประสบความสำเร็จในเป้าหมายได้มากที่สุด ตามมาบทความนี้ไปพร้อมกันเลย

ทำไม ‘ความสม่ำเสมอ’ ถึงสำคัญ ?

เวลาเราตั้งใจทำบางสิ่งให้ถึงเป้าหมายที่อยากได้มากที่สุด เรามักเต็มใจทำทุกอย่างวิถีทางเพื่อให้ความต้องการนั้นเป็นจริง ซึ่ง ‘ความสม่ำเสมอ’ นี้เองจะเป็นตัวสร้างความก้าวหน้าให้กับเรา แบบทวีคูณไปเรื่อย ๆ เริ่มแรกเราอาจไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่ถ้าพยายามทำต่อไปเรื่อย ๆ เราก็จะเชี่ยวชาญในสิ่งนั้น เหมือนกับการที่เราฝาก เงินในบัญชีเป็นประจำทุกเดือน เกิดเป็นดอกเบี้ยทบต้น มีเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตราบใดที่เรายังคงยึดมั่นและไม่ลังเลใจกับสิ่งที่เราอย่างสม่ำเสมอ แน่นอนเราจะเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วขึ้นแน่นอน

‘แรงบันดาลใจ’ ไม่ยั่งยืนเท่า ‘ความสม่ำเสมอ’

‘แรงบันดาลใจ’ นั้นเป็นสิ่งที่ดี มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของเป้าหมายต่าง ๆ เพราะมันทำให้เรารู้สึกอย่างลงมือทำ แต่แรงบันดาลใจมักเป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราว และการพึ่งพาแค่แรงบันดาลใจในการทำอะไรสักอย่าง ก็เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา ที่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ตามความอารมณ์ ตามความอยากของเรา

กลับกัน ‘ความสม่ำเสมอ’ เหมือนกับการก้าวขึ้นบันได บังคับให้เราทำสิ่งนั้นต่อไปทุกวัน ติดตามคืบหน้าตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเริ่มลงมือทำแล้ว มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด

เทคนิคทำต่อเนื่องอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ?

คิดแค่ว่าจะทำวันนี้และตอนนี้

เทคนิคข้อแรก เริ่มปรับความคิดใหม่ โดยให้เราคิดแค่ว่า ‘เราทำวันนี้ หรือทำตอนนี้ก็พอ’ เพราะบางทีเหตุผลที่คนเราไม่ทำอะไรอย่างต่อเนื่อง ก็มาจากการที่เรามองไปข้างหน้ามากเกินไป ทำให้เกิดอาการท้อได้นั่นเอง

เช่น เราตั้งเป้าหมายออกกำลังกายไว้ทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง แต่วันนี้เรารู้สึกเพลีย ไม่อยากออกกำลังกายเลย ให้เราผลักดันตัวเองลองทำซัก 5 – 10 นาทีดูก่อน บางทีพอทำไปสักพักร่างกายเริ่มดีขึ้น ทำให้เราออกกำลังกายต่อได้จนครบ

แต่ถ้าเรากลับคิดถึงเรื่องอนาคตข้างหน้าว่าวันนี้ต้องวิ่งให้ครบ 1 ชั่วโมง เราก็คงไม่อยากทำมันต่อก็ได้ แค่รู้วิธีคิด ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว

ซอยเป้าหมายให้เล็กลง

แทนที่จะตั้งเป้าหมายเป็นระยะยาวอย่าง 1 ปี 3 ปี 5 ปี อาจลองโฟกัสแค่ 90 วันก่อน และแบ่งออกมาเป็น 2 อาทิตย์ วิธีนี้จะช่วยลดความหนักหน่วง ด้วยการโฟกัสแค่ว่าภายใน 2 สัปดาห์เป้าหมายนี้จะไปถึงไหนบ้าง จนทำให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ได้สำเร็จ แทนที่จะมานั่งกังวลว่าเป้าหมายที่เราวางไว้ 2 ปีจะสำเร็จตอนไหน

ซึ่งเรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่า เวลาตั้งเป้าหมายต้องตั้งให้ยิ่งใหญ่เข้าไว้ แต่ในแง่ปฏิบัติแล้ว การแบ่งเป้าหมายย่อย ๆ จะช่วยให้เราไม่ท้อและทำได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนเป้าหมายใหญ่สำเร็จได้

กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ

โทนี่ รอบบิ้นส์เคยกล่าวว่า “If it’s not scheduled, it’s not real.” นั่นก็คือ ถ้าคุณไม่กำหนดเป้าหมาย แสดงว่าเป้าหมายนั้นไม่มีจริงแต่แรก ดังนั้นเพื่อให้เป้าหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราควรตั้งตารางปฏิทินการทำงานออกมา เพื่อให้เรารู้ว่าเราจะทำอะไรบ้างในแต่ละวันหรือสัปดาห์นั้น ทั้งนี้เราสามารถปรับแก้ไขได้ตามสะดวก ขึ้นอยู่กับผลการทำงานของเราในข้อถัดไป

จดบันทึกผลการทำงาน

การเขียนบันทึกผลการทำงาน ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความสม่ำเสมอเหมือนกัน อย่างการใช้เวลา 5 – 10 นาทีในแต่ละคืน คอยทบทวนเป้าหมายและความสำเร็จในแต่ละวัน ในช่วงท้ายของทุกสัปดาห์ ให้เราเขียนรีวิวว่าเราใช้เวลาไปกับตรงไหน สิ่งไหนทำแล้วสำเร็จมากที่สุด เพื่อที่จะได้ปรับแต่งตารางงานในสัปดาห์หน้าให้ดีมากขึ้น

ให้รางวัลตัวเอง

การให้เติมพลังให้รางวัลตัวเอง หลังจากทำเป้าหมายสักอย่างสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว จะช่วยให้เรามีกำลังใจมากขึ้น อาจพาตัวเองไปเที่ยวทริปสั้น ๆ กินอาหารอร่อย ๆ อาจจะเป็นทั้งเป้าหมายระดับเล็ก กลางหรือใหญ่ เราควรฉลองให้รางวัลกับตัวเอง