fbpx
Search
Close this search box.

คันคอ!! อย่ารอให้หายเอง

หลายคนเป็นกันมั้ยคะ เวลาคันคอ จะรู้สึกรำคาญ อยากจะไอออกมา หลายคนไม่ชอบไปหาหมอ เมื่อคันคอหรือไอก็จะรอให้อาการหายเอง ซึ่งนั้นอาจเป็นการส่งผลไม่ดีกับตัวเรานะคะ และอาจจะทำให้อาการคันคอนั้นกลายเป็นโรคอื่นได้ โดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เอซียูเพย์ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสาเหตุและวิธีการป้องกันของอาการคันคอกันค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วไปดูกันเลยยยย

เนื้อหา

อาการคันคอ คืออะไร

คันคอ หรือ Itchy throat คือ อาการที่รู้สึกคันและระคายเคืองภายในลำคอ จนทำให้ต้องกระแอมหรือไออยู่บ่อยครั้ง หรือถึงขั้นมีอาการไอเรื้อรัง เป็นอาการที่พบบ่อยของโรคภูมิแพ้ หรือเป็นสัญญาณของความเจ็บป่วยได้ เช่น คออักเสบ ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ บางกรณี อาจเกิดจากการที่ตัวเราได้รับการสูดดมสารหรือสูดมลพิษ ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองคอเข้าไป จึงทำให้เราเกิดอาการคันคอ

อาการคันคอ เกิดจากสาเหตุอะไร

  • อาการแพ้ หรือ โรคภูมิแพ้ เป็นสาเหตุที่พบบ่อย โดยอาการแพ้จะเกิดขึ้น เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ขนของสัตว์เลี้ยง ไรฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น อาการภูมิแพ้มีตั้งแต่ อาการที่ไม่รุนแรงจนถึงขั้นรุนแรงมาก โดยอาการคันคอจัดว่าเป็นกลุ่มอาการที่ยังไม่รุนแรง แต่จะก่อให้เกิดความรำคาญเมื่อต้องคันคอ เพราะปฏิกิริยาของร่างกายได้ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้
  • โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) หรือที่เรียกว่า ไข้ละอองฟาง (Hay Fever) มักจะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์  ไรฝุ่น ควันหรือน้ำหอม ทำให้เกิดอาการไอ คัดจมูก และมีน้ำมูกไหล
  • การสูดดมมลพิษ ทำให้เกิดอาการคันคอ หรือ เกิดการระคายเคืองคอได้ เช่น ฝุ่น PM 2.5  ควันบุหรี่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง 
  • ไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือ แบคทีเรีย มักเริ่มต้นจากมีอาการคันคอ ก่อนที่จะเกิดอาการอื่นๆตามมา เช่น เจ็บคอ มีน้ำมูกไหล ไอ จาม หรือปวดศีรษะ
  • ไซนัสอักเสบ อาจมีอาการคันคอ จากการที่มีเสมหะไหลลงมาบริเวณคอ โดยเฉพาะเวลานอน และมักเป็นหวัดเรื้อรัง มีน้ำมูกสีเขียวและมีอาการคัดจมูกร่วมด้วย

 

ภาวะแทรกซ้อนของอาการคันคอ

ภาวะแทรกซ้อนของอาการคันคอจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยสาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น

  • โรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง (Anaphylaxis) เป็นภูมิแพ้ชนิดที่รุนแรงที่สุด อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ลมพิษ คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่แพ้อาหาร แพ้แมลง และแพ้ยา
  • โรคหืด (Asthma) ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีโอกาสเป็นโรคหืดได้ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันที่มีผลต่อทางเดินหายใจและการหายใจ
  • โพรงจมูกอักเสบและการติดเชื้อที่หูและปอด มักจะเกิดกับผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหืด
  • ไซนัสอักเสบจากเชื้อรา (Allergic Fungal Sinusitis) และปอดอักเสบจากเชื้อรา (Allergic Bronchopulmonary Aspergillosis)

การวินิจฉัยอาการคันคอ

แพทย์จะวินิจฉัยอาการคันคอ โดยเริ่มจากการซักประวัติและอาการของผู้ป่วย รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มีอาการคันคอหลังจากเดินทางไปข้างนอก ซึ่งผู้ป่วยอาจแพ้ฝุ่นหรือเกสรดอกไม้ที่อยู่นอกบ้าน หรือหากแพทย์สงสัยว่าผู้ป่วยอาจแพ้อาหาร แพทย์ก็อาจให้ผู้ป่วยจดบันทึกอาหารที่รับประทานและอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากรับประทานอาหารเหล่านั้น

นอกจากนั้น แพทย์จะตรวจคอเพื่อตรวจสอบอาการต่าง ๆ เช่น บวม แดง มีเสมหะ สัญญาณของการอักเสบ ไซนัสหรือน้ำมูก รวมไปถึงการตรวจอื่น ๆ ได้แก่

  • การทดสอบภูมิแพ้ ด้วยการให้ผิวหนังสัมผัสกับสารที่สงสัยว่าจะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีตรวจเลือด
  • ตรวจเลือดหรือป้ายลำคอเพื่อเพาะเชื้อ (Throat Swab) ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

วิธีการรักษาอาการคันคอ

ภูมิแพ้ แพทย์จะให้ยาแก้แพ้ที่มีประสิทธิภาพในการรักษามากกว่ายาแก้แพ้ที่จำหน่ายตามร้านขายยา ในกรณีที่ซื้อยาใช้เองแล้วไม่ดีขึ้น และแพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำความสะอาดห้องนอนเพื่อกำจัดฝุ่นหรือไรฝุ่น หรือให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป

โดยยาที่นิยมนำมาใช้รักษาภูมิแพ้ เช่น ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ยาลอราทาดีน (Loratadine) ยาเฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) หรือยาบิลาสทีน (Bilastine) เป็นต้น

 

แพ้อาหาร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้จะวินิจฉัยและทดสอบเพื่อยืนยันว่าผู้ป่วยแพ้อาหารชนิดใด จากนั้นจึงให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารชนิดนั้น ๆ และให้ระวังการรับประทานอาหาร หรือตรวจสอบส่วนผสมที่อยู่ในอาหารทุกครั้ง

แพ้ยา หากพบว่ามีอาการแพ้ยา ซึ่งมักจะเกิดหลังจากที่ใช้ยาประมาณ 1 ชั่วโมง อาจทำให้เกิดอาการ เช่น ผื่นที่ผิวหนัง ลมพิษ คัน มีไข้ หายใจตื้น หรือหายใจมีเสียง ควรพบแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์อาจรักษาเบื้องต้นด้วยการให้หยุดใช้ยา ให้ยาแก้แพ้ ให้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) หรือให้ฉีดยาอิพิเนฟริน (Epinephrine) เพื่อรักษาอาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) เป็นต้น

ไข้หวัด แพทย์อาจให้ยาลดน้ำมูก ร่วมกับการล้างจมูกเพื่อลดภาวะเสมหะไหลลงคอ

ไซนัสอักเสบ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับยาลดคัดจมูก ยาแก้ไอละลายเสมหะร่วมกับการล้างจมูก เพื่อช่วยระบายเสมหะและลดภาวะเสมหะไหลลงคอ

วิธีการป้องกันอาการคันคอ

อาการคันคอป้องกันได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือการป้องกันตนเองจากการได้รับเชื้อซึ่งอาจทำให้เป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือการติดเชื้ออื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้คันคอ โดยสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นได้ เช่น

  • ในแต่ละวันควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
  • กลั้วคอด้วยน้ำเกลือและเบคกิ้งโซดา (Baking Soda) ซึ่งช่วยลดการอักเสบที่คอได้ โดยนำเกลือ 1 ช้อนชา และเบคกิ้งโซดาครึ่งช้อนชา ผสมลงไปในน้ำสะอาดประมาณ 240 มิลลิลิตร
  • ใช้ยาอมหรือสเปรย์ ที่มีฤทธิ์ทำให้คอรู้สึกชา เช่น ยาเบนโซเคน (Benzocaine) น้ำมันยูคาลิปตัส เมนทอล เป็นต้น
  • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการคันคอที่มาจากไข้หวัด หรือการติดเชื้อต่าง ๆ
  • ล้างจมูก เพื่อช่วยลดภาวะเสมหะไหลลงคอและช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ

คันคอ เป็นอาการที่สร้างความรำคาญใจกับเราไม่น้อย ทั้งกระแอม ทั้งไอ เพื่อที่จะให้หายระคายคอ ทุกคนควรรักษาสุขภาพร่างกายของตนเองเสมอนะคะ เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ไหนจะมลพิษที่ต้องเจอทุกวัน ซึ่งนั้นคืออีกหนึ่งสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการคันคอขึ้นมา ใครที่มีอาการคันคออย่ารอให้หายเองนะคะ ควรไปพบแพทย์หรือทำตามวิธีที่เราแนะนำก็ได้ค่ะ แต่ยังไงไปพบแพทย์ก่อน รู้อาการก่อนว่าเป็นอะไร ได้ยามากิน ก็เป็นวิธีที่ดีค่ะ

ผู้เขียน

ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่