สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประกาศยุตินโยบายการเงินแบบดอกเบี้ยติดลบเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในรอบ 8 ปี
นโยบายดอกเบี้ยแบบติดลบที่ว่านั้น ใช้ขึ้นในสภาวะที่ผู้คนต้องต่างจ่ายเงินให้กับธนาคาร หากพวกเขานำเงินไปฝากไว้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ใช้ขึ้นในหลายประเทศเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยแทนการฝากไว้กับธนาคาร โดยญี่ปุ่นได้ประกาศใช้เมื่อปี 2559
อย่างไรก็ดี เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการที่ BOJ ให้คำมั่นว่าจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง บรรดานักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่านักลงทุนยังมีเหตุผลที่จะเทขายเงินเยนต่อไป เพราะคาดว่าส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐนั้น ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง
โดยเมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 34 ปี โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 151.975 เยน เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงเช้า (1 เม.ย.) ราคาอยู่ที่ 151.315 เยน
ทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น นายชุนอิจิ ซูซูกิ ชี้ว่า เหตุผลที่ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าหนักนั้น เกิดจากการเก็งกำไรในตลาดสกุลเงิน แต่ไม่สามารถให้เหตุผลได้ว่าสาเหตุที่ค่าเงินเยนร่วง หนึ่งในนั้นเกิดจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปลี่ยนนโยบายหรือไม่
นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า การอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของค่าเงินเยนจนไปแตะระดับใหม่ในรอบ 34 ปี อาจเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยเข้าแทรกแซงโดยตรงมาแล้วที่ระดับ 151.95 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเดือนต.ค. 2565
โดยการอ่อนค่าของเงินนี้ คาดว่าจะส่งผลดีและเสีย สำหรับข้อดีที่เอื้อประโยชน์สำหรับการอ่อนค่าของเงินเยนคือ การส่งออกของญี่ปุ่น เนื่องจากทำให้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นมีราคาถูกลงเมื่อนำไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศและทำให้รายได้ในรูปเงินเยนในต่างประเทศมีมูลค่าสูงขึ้นด้วย แต่การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้สินค้าที่นำเข้าสู่ญี่ปุ่นมีราคาแพงขึ้นและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานมากกว่า 90% ของความต้องการใช้พลังงาน
ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY