fbpx
Search
Close this search box.

เห็น ‘จิงโจ้’ แช่น้ำ ให้รีบหนี ถ้าไม่อยากมีชีวิตสั้น

จิงโจ้

เราอาจจะเคยเห็นคลิปจิงโจ้กล้ามโต ชอบมาดวลมัดกับมนุษย์ หรือหมาของชาวบ้าน แต่ถ้าเห็นจิงโจ้แช่น้ำ อย่าไปคิดว่าพวกมันกำลังชวนเราเล่นน้ำ เพราะถ้าเราตามลงไปแล้ว ชีวิตเราอาจจะสั้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

จิงโจ้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดที่มีกระเป๋าหน้าท้อง จากประเทศออสเตรเลีย เมื่อโตเต็มวัยอาจหนักถึง 90 กิโลกรัม และสูงถึง 2 เมตร จิงโจ้มีขาหลังที่ยาวแข็งแกร่ง ทรงพลัง และมีส่วนหางที่แข็งแรง ใช้ในการทรงตัวและกระโดด อีกทั้งยังใช้เพื่อการพยุงตัวเพื่อการถีบที่รุนแรง จนคนเสียชีวิตมาแล้ว

เห็นจิงโจ้ลงน้ำ อย่าคิดลงตามเด็ดขาด

อย่างที่รู้กันจิงโจ้มีสัญชาตญาณนักล่าที่เก่งกาจมาก ถ้าเห็นพวกมันลงไปอยู่ในน้ำ แสดงว่าพวกมันกำลังป้องกันตัวจากนักล่า โดยเฉพาะนักล่าอย่าง ‘หมาป่าดิงโก้’ (dingo) นักล่าจิงโจ้ตัวฉกาจ ที่หน้าละม้ายคล้ายหมาบ้าน จนแทบจะแยกไม่ออก

เมื่อไหร่ที่นักล่าลงในน้ำตามลงไป จิงโจ้ตัวผู้ที่แข็งแกร่ง ก็จะเอากล้ามแขนที่แข็งแรงและเล็บยาวแหลมของมัน รัดเขาที่บริเวณคอของนักล่าตัวนั้น แล้วจับกดลงน้ำ จนนักล่านั้นสิ้นใจในที่สุด 

และนักล่าที่จิงโจ้คิด ก็ไม่ใช่สัตว์อื่นใกล้ที่ไหน ก็คือ หมาของชาวบ้านแถวนั้น ที่พวกมันเข้าใจว่าเป็น หมาดิงโก้ ศัตรูตัวฉกาจ นั่นแหละ นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงชอบเห็นคลิปจิงโจ้ทำร้ายและคร่าชีวิตของหมาในออสเตรเลียมาหลายร้อยตัว

ดอกเตอร์ Graeme Coulson นักนิเวศวิทยา จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น มองว่าการที่จิงโจ้ลงไปในน้ำเป็นความพยายามที่จะหลบหนีจากศัตรู มากกว่าเป็นแผนฆาตกรรมไว้ปลิดชีวิตเหล่านักล่านั้น

เพราะถ้าหากจิงโจ้ต้องการต่อสู้จริง ๆ โดยปกติแล้วมันจะพยายามใช้ขาหลังอันทรงพลังของมัน เตะไปยังภัยคุกคามนั้น พร้อมกับดันกรงเล็บของมันเข้าไปในทุกพื้นผิวที่มันสัมผัส 

แต่การที่จิงโจ้เลือกวิ่งลงไปในน้ำ คาดว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณของสัตว์กินพืชที่จะวิ่งลงไปในน้ำ เมื่อถูกนักล่าไล่ล่า ซึ่งจิงโจ้ก็อาจจะพยายามทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริง เมื่อนักล่าพวกนั้นตามมา สถานการณ์อาจดูสยองขวัญทันที 

ปัจจุบันประชากรจิงโจ้ได้ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้นมากกว่า 60 ล้านตัว แต่ประชากรออสเตรเลียมีเพียง 25 ล้านกว่าคนเท่านั้น

แล้วทำไมประชากรจิงโจ้ถึงเยอะขนาดนี้

ในตอนแรก ทวีปออสเตรเลียมีจิงโจ้จำนวนมากอยู่แล้ว และก็ถูกล่าโดยคนพื้นเมืองอะบอริจินมาตลอด 40,000 ปี ซึ่งพอคนยุโรปเข้ามาก็นำไปกินตาม และเข้ามาทำฟาร์มปศุสัตว์ โดยเลี้ยงวัวเป็นหลัก 

แต่พอมนุษย์เริ่มเลี้ยงสัตว์ ก็เจอปัญหาจากนักล่าตามธรรมชาติอย่าง ‘หมาดิงโก้’ ที่เข้ามาทำร้ายสัตว์ในฟาร์ม และเมื่อดิงโก้กลายเป็นภัยของมนุษย์ จำนวนพวกมันก็ลดลง ส่งผลให้บทบาทสำคัญในการคุมจำนวนประชากรจิงโจ้ จากการล่าตามธรรมชาติลดลง สิ่งที่ตามมาคือจำนวนจิงโจ้ที่เพิ่มขึ้นหยุดไม่อยู่

ด้วยความที่จำนวนประชากรจิงโจ้มีเยอะมาก รัฐบาลจึงต้องฆ่าทิ้งเป็นล้านตัวต่อปีเพื่อควบคุมประชากร โดยนำเนื้อของจิงโจ้เป็นสินค้าส่งออกไปยังยุโรป และหนังสุดเหนียวไปทำรองเท้าอย่าง รองเท้าฟุตบอล  

ซึ่งจำนวนจิงโจ้ที่มากเกินไปนี้ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในออสเตรเลีย เพราะพวกจิงโจ้เข้ามาทำลายพืชผลของมนุษย์จากสภาวะภัยแล้ง ทำให้จิงโจ้หาอาหารจากธรรมชาติได้น้อยลง 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่