fbpx
Search
Close this search box.

ทำไมทองคำถึง “แพงขึ้น” ในภาวะสงคราม

ทำไมทองคำแพง

อย่างที่รู้กันว่า ‘ราคาทองคำ’ มักมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงภาวะไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและในภาวะสงคราม ราคาทองคำจะมีราคาสูงมากอย่างชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทองคำแพงขึ้นในช่วงภาวะสงครามคืออะไรกันแน่ เดี๋ยว ACU PAY จะมาเล่าให้ฟัง

สงครามกับทองคำ

ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน เราจะเห็นราคาทองคำที่มัก ‘เพิ่มขึ้น’ หลังจากเผชิญกับสงครามในหลาย ๆ ครั้ง เช่น

  • ปี 1977 – 1980 มีการเรียกร้องการปฏิรูปหรือปฏิวัติภายในหลายประเทศ รวมไปถึงการปฏิวัติอิหร่านในช่วงปี 1978 สงครามอิหร่านอิรักในปี 1979 ราคาทองคำสูงขึ้นเมื่อมีวิกฤติปี 1977 ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูง 23% ในปี 1978 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นสูง 37% และในปี 1979 ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงถึง 126% 

 

  • ปี 1990 ในสงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่ออิรักรุกรานคูเวต ราคาทองคำทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง หลายจากสงครามหลายปี ราคาทองคำถึงเริ่มลดลงมาเท่า ๆ กับช่วงก่อนเกิดสงคราม 

 

  • ปี 2003 เหตุการณ์ 911 เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นมาก ตามมาด้วยการรุกรานอิรักโดยสหรัฐอเมริกา ก็ยิ่งคงค่าราคาทองให้แพง แต่เมื่อสถานการณ์กลับมาสู่ปกติ ราคาทองก็จะลดลงไปเป็นราคาก่อนสงคราม

 

  • ปี 2014 เมื่อมีข่าวลือว่าสหรัฐอเมริกาอาจเข้าไปแทรกแซงปัญหาในซีเรีย ราคาทองคำก็ขึ้นสูงอย่างมาก เช่นเดียวกันกับท่าทีที่สหรัฐอเมริกามีต่อปัญหา ISIS ในส่วนของยุโรปก็ดูเหมือนจะเป็นวิกฤติที่ควบคุมได้ยาก อย่างในออสเตรีย อัตราการซื้อปืนเพิ่มขึ้นสูงมาก ผู้คนพยายามปกป้องตัวเองจากการโจมตีเนื่องด้วยปัญหาผู้ลี้ภัยในยุโรป 

 

  • ปี 2022 วิกฤติการณ์ยูเครน-รัสเซีย พบว่าราคาทองคำเพิ่มขึ้นในอัตรา 6% 

 

  • ปี 2023 วิกฤติการณ์อิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในปัจจุบัน พบว่า ราคาทองรูปพรรณมีราคาพุ่งสูงถึงบาทละ 34,100 บาท 

จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดวิกฤติหรือสงครามขึ้น ราคาทองคำจะสูงขึ้นตามหลายครั้ง และยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทองคำมีมูลค่าในตัวเอง ใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนเงินตรา และยังถูกใช้เป็นเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 

ทองคำเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ของเหล่านักลงทุน

คำว่า ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ (safe haven asset) มีความหมายตรงตัวเลยคือ เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ ซื้อไว้แล้วมีความปลอดภัยและมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนน้อยมาก นอกจากทองคำแล้ว สินทรัพย์ที่จัดว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็คือ เงินสด พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ต่าง ๆ ที่ออกโดยรัฐบาล และหน่วยงานของรัฐ

ในภาวะปกติ นักลงทุนที่คาดหวังผลกำไรมากและกล้าเสี่ยง ก็จะลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างเช่น หุ้น หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความผันผวนสูง แต่เมื่อไรที่เกิดวิกฤติหรือสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน บรรดานักลงทุนทั้งหลาย เลยมองว่าทองคำถือเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ที่ไม่ใช่แค่ปลอดภัยธรรมดา แต่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุดแสนคลาสสิก และได้รับความนิยมที่สุดเมื่อมีเหตุการณ์ร้าย ในช่วงที่สินทรัพย์อื่นเผชิญความเสี่ยงสูง

แต่ในทางกลับกัน เมื่อสงครามยุติลงแล้ว โอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะเปิดกว้างขึ้น นักลงทุนจึงทำการ ’โยกย้ายเงิน’ ที่เคยลงทุนไว้ในทองคำ กลับสู่สินทรัพย์อื่น ๆ ที่สร้างผลตอบแทนได้มากกว่า และเมื่อทองคำเป็นที่ต้องการน้อยลง ราคาทองคำจึงลดลงนั่นเอง

แล้วเราควรซื้อทองคำเก็บไว้ดีไหม ?

ถ้าอยากจะเริ่มซื้อทองคำ มาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เราสามารถเก็บไว้ได้ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ถ้ามีกำลังทรัพย์ในการลงทุนที่มากพอ พร้อมรับความเสี่ยงได้ เพราะราคาทองคำยังมีทิศทางที่จะไต่ระดับราคาขึ้นไปได้เรื่อย ๆ 

สำหรับคนที่อยากลงทุนทองคำในช่วงนี้ แนะนำให้ลองศึกษาการลงทุนดี ๆ  และเลือกลงทุนทองตามที่เราถนัด แต่ถ้าติดปัญหาเรื่องทุนทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการลงทุน แนะนำว่า อาจลงทุนทองคำแบบทางเลือก อย่าง การออมทองคำ ผ่านแอปพลิเคชัน 

ซึ่งเราสามารถซื้อทองได้โดยไม่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ ไม่มีเงินขั้นต่ำ โดยทยอยซื้อให้ครอบบาททองคำ สะสมไปเรื่อย ๆ เหมือนกับการออมเงิน และเมื่อออมเงินครบบาททองแล้ว ก็สามารถถอนทองคำออกมาได้ สามารถไปรับที่ร้านทองของแอปพลิเคชันที่สมัคร หรือนำไปขายบนแอปทำกำไรได้เลยก็ได้เหมือนกัน 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่