หากพูดถึงสิ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละประเทศเป็นไปโดยง่ายและมีความสะดวกสบาย สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือรัฐสวัสดิการ หรือ Welfare State ซึ่งหมายถึงบริการสังคมในด้านสวัสดิการ ที่รัฐบาลมีให้แก่ประชาชน เพื่อช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อาทิ สวัสดิการด้านสุขภาพ การศึกษาขั้นพื้นฐาน การประกันการว่างงาน และระบบขนส่งสาธารณะ เป็นต้น
ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีการกระจายสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง และใช้งบประมาณเพื่อโครงการสวัสดิการสังคม สูงที่สุดในโลกถึง 31.1% ของ GDP ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่ ใช้ไปกับโครงการด้านสุขภาพและผู้สูงอายุ
สำหรับฟินแลนด์ นอกจากจะเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดของโลก ยังมีการทุ่มเทงบประมาณเพื่อโครงการสวัสดิการ สูงถึง 29.6% ของ GDP ซึ่งประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำ จะเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับสวัสดิการความช่วยเหลือ
รัฐบาลเดนมาร์ก ทุ่มงบประมาณ 29.2% ของ GDP เพื่อโครงการสวัสดิการสังคมที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียม และมีการใช้งบประมาณไปกับโครงการสวัสดิการหลายด้าน โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือผู้สูงอายุ และโครงการด้านสุขภาพ
เบลเยียม มีงบประมาณสำหรับโครงการสวัสดิการสังคม สูงถึง 28.7% ของ GDP โดยงบประมาณส่วนหนึ่งถูกใช้ไปกับโครงการสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและคนว่างงาน นอกจากนี้ยังมีโครงการสวัสดิการเพื่อส่งเสริมครอบครัวและช่วยเหลือผู้พิการ รวมถึงบริการด้านสุขภาพ
การใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสวัสดิการสังคมของอิตาลี มีสัดส่วนสูงถึง 27.6% ของ GDP โดยมากกว่า 16% ของงบประมาณ ถูกใช้ไปกับโครงการสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งอิตาลี มีจำนวนประชากรอายุเกิน 65 ปีมากกว่า 21%
ออสเตรีย มีการใช้จ่ายงบประมาณด้านสวัสดิการ สูงถึง 27.3% ของ GDP ซึ่งในจำนวนนี้ ส่วนหนึ่งถูกใช้ไปกับโครงการช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการ ตลอดจนบริการด้านสุขภาพ และกว่า 30% ถูกใช้ในโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้และประชากรวัยทำงาน
สวีเดนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีรัฐสวัสดิการดีมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก โดยใช้จ่ายงบประมาณด้านสวัสดิการสังคม สูงถึง 26% ของ GDP ซึ่งงบประมาณที่นำมาใช้ เป็นผลจากการเก็บภาษีที่สูง แต่ก็เป็นความยินดีของประชาชน เพื่อแลกกับบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ ทั้งบริการด้านสุขภาพ การศึกษาขั้นพื้นฐาน การประกันการว่างงาน และระบบขนส่งสาธารณะ
เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้จ่ายงบประมาณกับโครงการสวัสดิการสังคม สูงกว่า 25.4% ของ GDP โดยงบประมาณกว่า 10% ถูกใช้ไปกับโครงการช่วยเหลือประชากรในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 21% ของประชากรทั้งหมดราว 83 ล้านคน
รัฐบาลนอร์เวย์ จัดสรรงบประมาณกว่า 25.2% ของ GDP เพื่อใช้กับโครงการสวัสดิการสังคมต่างๆ โดยระบบสวัสดิการที่ดีของนอร์เวย์ เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ขณะที่งบประมาณกว่า 1 ใน 4 ถูกนำไปใช้ช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตและให้เงินช่วยเหลือประชากรกลุ่มรายได้ต่ำสุด ซึ่งช่วยลดความไม่เท่าเทียมและปัญหาความยากจนในประเทศได้ค่อนข้างดี
แม้ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ กรีซจะประสบปัญหาหนี้และวิกฤตการเงิน แต่ที่ผ่านมา ก็มีการใช้จ่ายงบประมาณด้านสวัสดิการสังคม สูง ถึง 24.7% ของ GDP โดยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งงบประมาณส่วนใหญ่ ใช้จ่ายไปกับสวัสดิการด้านสุขภาพและเงินบำนาญ ที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |