หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์-เครื่องหมายการค้า ในการตั้งชื่อแบรนด์สินค้ากันมาบ้าง แต่เคยสงสัยไหมว่า ความแตกต่างระหว่างลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า ทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร เดี๋ยว ACU PAY จะมาอธิบายให้ฟัง และบอกวิธีตั้งชื่อแบรนด์สินค้าแบบไหนถึงจะถูกกฎหมาย
ลิขสิทธิ์ (Copyright) คือ สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวที่กฎหมายรับรองให้ผู้สร้างสรรค์ผลงานสามารถทำซ้ำ ดัดแปลง หรือโฆษณา และมีสิทธิ์ที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปใช้ได้ โดยจะคุ้มครองงานสร้างสรรค์ 9 ประเภท คือ วรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ หรืองานอื่นๆ ในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
เครื่องหมายการค้า (TRADEMARK) เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง หมายถึง เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ เพื่อแสดงว่าสินค้าหรือบริการที่ใช้กับเครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างกัน เช่น โลโก้ต่าง ๆ
เวลาพูดถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา คนส่วนใหญ่มักสับสนกับการใช้คำว่า “เครื่องหมายการค้า” และ “ลิขสิทธิ์” ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้คุ้มครองคนละส่วนหรือองค์ประกอบของงานสร้างสรรค์ “เครื่องหมายการค้า” มีไว้เพื่อแยกแยะสินค้าและบริการที่มีอยู่ในท้องตลาด ในทางกลับกัน “ลิขสิทธิ์” คุ้มครองงานสร้างสรรค์เกือบทั้งหมด ยกเว้น ชื่อสินค้า ชื่อบริการ คำโฆษณาหรือสโลแกนที่มีเอกลักษณ์
ยกตัวอย่างเช่น เราออกแบบโลโก้มาอันหนึ่ง ภาพโลโก้ที่เราออกแบบจะได้รับความคุ้มครองในฐานะงานลิขสิทธิ์ประเภทงานศิลปกรรม ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ แต่จะไม่ได้คุ้มครองชื่อสินค้า คำโฆษณาหรือสโลแกน ที่อยู่ในโลโก้ แต่ถ้าเรานำโลโก้นั้นไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โลโก้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นภาพหรือตัวหนังสือ ก็จะได้รับความคุ้มครองในฐานะเครื่องหมายการค้าด้วย
ดังนั้น หากมีผู้อื่นนำโลโก้ของเราไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เขาก็อาจจะมีความผิดทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ และละเมิดเครื่องหมายการค้า
อย่างที่รู้กันว่าชื่อแบรนด์ไม่ได้ถูกพิจารณาให้เป็นงานมีลิขสิทธิ์ แต่จะได้รับการคุ้มครองจากการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดชื่อแบรนด์ของเราเหมือนหรือคล้ายกับของคนอื่นที่จดทะเบียนไปแล้ว ก็จะถือว่าเราไปละเมิดสิทธิ ทั้งการลอกเลียนแบบโลโก้ ตัวสะกด หรือแม้แต่การออกเสียงชื่อแบรนด์คล้าย ๆ กันได้ ก็สามารถถูกฟ้องได้
กรณีชื่อแบรนด์เหมือนกันถึงแม้จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว ในกลุ่มสินค้าอื่นก็สามารถจดทะเบียนในชื่อเดียวกันได้ ถ้ากลุ่มสินค้านั้นยังไม่มีผู้ขอจดทะเบียนการค้ามาก่อน
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้น “ยื่นในประเทศไหน คุ้มครองในประเทศนั้น” เช่น ถ้ายื่นในไทย คุ้มครองแค่ในประเทศไทย ยื่นในอเมริกา คุ้มครองแค่ในประเทศอเมริกาเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์กาแฟ Amazon ของไทย ที่ตั้งชื่อคล้ายกับ แบรนด์อีคอมเมิร์ส Amazon ของอเมริกา สามารถตั้งชื่อได้ เพราะอยู่ในกลุ่มสินค้า-บริการคนละประเภท
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |