ทำงานมานาน แต่ไม่มีเงินเก็บ! รวมวิธีห้ามใจ ไม่ใช้เงินเปลือง

หลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหานี้อยู่หรือเปล่า ทำงานมาสักพักแล้ว แต่ทำอย่างไรก็เก็บเงินไม่อยู่สักที คิดแล้วก็ยิ่งเครียด ทำอย่างไรดี ครั้งนี้ ACU PAY จะมาบอกเทคนิคคนวัยทำงานกับ รวมวิธีห้ามใจ ไม่ใช้เงินเปลือง ที่บางข้อดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งใครเอาไปทำตามแล้วรับรองว่ามีเงินเก็บได้ไม่ยาก

1. ซื้อของทุกอย่างต้องมีเหตุผล

จุดเริ่มต้นของการมีเงินเก็บ คือการต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง ไม่ให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สิ่งของบางอย่างเช่น ของลดราคา ของมันต้องมี อะไรทำนองนี้ อยากให้เราลองพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า สิ่งนี้สำคัญกับชีวิตของตัวเองมากขนาดไหน ลองปรับทัศนคติการใช้เงินดู แล้วปัญหาใช้เงินเกินตัวก็จะหมดไป

โดยในระยะแรกอาจใช้วิธีในการตั้งเป้าหมาย เช่น เก็บเงินไว้ซื้อโทรศัพท์ใหม่ ใช้เป้าหมายเหล่านี้ในการเตือนตัวเองว่าเราออมเงินไว้เพื่ออะไร แล้วนิสัยการเก็บออมจะเพิ่มขึ้นมาเอง

2. กำหนดเงินใช้เป็นรายวัน

อีกหนึ่งหนทางช่วยประหยัดเงิน คือการกำหนดเงินใช้เป็นรายวัน โดยการหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือนออกก่อน อย่างเช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง แล้วคำนวณออกมาว่าใน 1 วันเราควรใช้เงินเท่าไร แล้วกำหนดให้ตัวเองใช้เงินแค่จำนวนนั้น เพื่อป้องกันการใช้เงินเกินตัว

ยกตัวอย่างเช่น นาย A มีเงินเดือน 20,000 บาท หักค่าใช้จ่ายคงที่อย่าง ค่าที่พัก และค่าเดินทางไป 8,000 บาท นาย A จะเหลือเงิน 12,000 บาท โดยคำนวณแล้วว่า นาย A สามารถใช้เงินได้วันละ 200 บาท หรือ 6,000 บาทต่อเดือน โดยเงินที่เหลือจะเป็นเงินเก็บสำรองฉุกเฉิน หรือเก็บไว้สำหรับอนาคตก็ได้

3. เก็บเงินก่อนใช้ทุกครั้ง กันเงินเดือน 10% เก็บไว้

สูตรการออมเงินแบบง่ายที่สุด คือแบ่งเงินออมไว้ 10% จากเงินเดือน สมมติว่า นาย A ได้เงินเดือน 20,000 บาท ให้แบ่งเงินเก็บออมไว้เลย 2,000 บาท และเมื่อครบ 1 ปี นาย A จะออมเงินได้ถึง 24,000 บาท เลยทีเดียว

แต่ในกรณีที่ใครคนไหนมีรายจ่ายรัดตัวมาก อาจเริ่มออมเดือนละ 5% ก่อนก็ได้เช่นกัน โดยอาจจะลองสร้างบัญชีแยก แล้วเมื่อเงินเดือนเข้าก็ตั้งโอนล่วงหน้าไปที่บัญชีนั้นเลย

4. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ช่วยให้เก็บเงินได้มากขึ้น

ทั้งที่รู้ว่าการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายสำคัญ แต่หลายคนนั้นอาจรู้สึกขี้เกียจ และรู้สึกเสียเวลากับการทำรายรับรายจ่าย แต่รู้ไม่ว่าข้อดีของการบันทึกค่าใช้จ่ายนี้ จะเป็นส่วนช่วยที่ทำให้เราเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ว่าในแต่ละวัน เราเอาเงินไปลงกับส่วนไหนมากที่สุด และมีส่วนไหนที่สามารถลด ละ เลิก หรือชะลอการใช้จ่ายเพื่อเอาไปเป็นเงินออมได้ด้วย

5. ช้อปไปเท่าไหร่ ออมคืนเท่านั้น

เทคนิคนี้เป็นการปรับนิสัยสายช้อปได้ดีเลย มองอีกมุมหนึ่ง นี่คือการ ‘ยืมเงินตัวเองออกมาใช้ก่อน’ แล้วคืนให้ทีหลัง เหมือนกับการรูดบัตรเครดิต แต่เป็นบัตรที่ไม่คิดดอกเบี้ยนั่นเอง ซึ่งถ้าตัวเองอยากช้อปปิงมาก ก็ช้อปได้เลย แต่ซื้ออะไรบ้าง ให้จดไว้ แล้วหาเงินมาคืนให้ครบด้วย ห้ามโกงตัวเองนะ

6. ปาร์ตี้ข้างนอกได้ แต่ต้องเก็บเงินให้เป็น

เราสามารถมีเงินเก็บ ในขณะที่เราก็มีความสุขในการใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กันได้ ซึ่งการจะมาถึงจุดนี้ เราต้องมีวินัยในตัวเอง ไม่ลืมที่จะบริหารเงินให้มีพอใช้ และต้องออมเงินอย่างสม่ำเสมอ จนทำให้เรามั่นใจว่าเงินก้อนนี้ที่เอาไปปาร์ตี้ จะไม่กระทบกับเงินค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ซึ่งการออมอย่างมีวินัยจะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับเราอีกด้วย

นอกจากการนำเงินเก็บของเราไปอยู่ในบัญชีเงินเก็บที่มีดอกเบี้ยสูง ของธนาคารต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยเพิ่มรายได้ ให้สัมพันธ์กับรายจ่ายมากขึ้น โดยมีความปลอดภัยและเสี่ยงน้อย นั่นคือ การนำเงินเย็นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์อื่น ๆ แล้วนำไปลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) เกิดดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อย ๆ จนมีกำไรเพิ่มพูนมากขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษา เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของ กองทุนหรือสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ

อ้างอิงจาก