เคลียร์ทุกข้อสงสัยแล้ว หลังจากคนไทยรอคอยคำตอบ เงินดิจิทัล 10,000 บาทกันมายาวนาน ล่าสุดทางนายกรัฐมนตรีได้ออกมาแถลงข้อสรุปเงื่อนไข เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันว่า เกณฑ์เงินเดือนของผู้ที่จะได้รับสิทธิ์คือต้องมีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาท เงินฝากรวมกันทุกบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท ได้ทุกคน ซื้อได้เฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค พร้อมขยายขอบเขตเป็นระดับอำเภอ และคาดว่าจะเริ่มโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ในเดือน พฤษภาคม 2567 ตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ โดยจะใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นช่องทางการใช้จ่ายกับร้านค้าที่ร่วมโครงการ ซึ่งมีข้อสรุปรายละเอียด และเงื่อนไขดังนี้
การใช้สิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น กำหนดให้ใช้จ่ายได้ในระดับอำเภอ ภายในเวลา 6 เดือน สามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคได้ ร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าค้า แต่หากต้องการขึ้นเงินสด หรือกดเงินสดออกมา จะต้องเป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น
ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการมูลค่า 50,000 บาท โดยใช้ใบกำกับภาษีมาประกอบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เริ่มมกราคม 2567
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขนี้จะเป็นไปตามคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ เพราะจากข้อมูลขอองหลายโครงการในอดีต แสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มรายได้ดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากนี้ทางนายกเศรษฐายังย้ำว่า โครงการนี้จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อตามที่หลายฝ่ายกังวล เพราะสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันของไทย อยู่ในสภาวะที่ต่ำอยู่แล้ว ทั้งนี้ทางรัฐบาลจะออก พรบ.กู้เงิน เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยมีแผนจ่ายคืนภายใน 4 ปี และยังได้ชี้แจงที่มาจองงบประมาณโครงการดิจิทัลด้วยว่า คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดในการดำเนินนโยบายนี้ คือการออก พรบ.เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งมีความโปร่งใส อยู่ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา
คาดว่าจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พรบ.การกู้เงินดังกล่าวจะระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐ