มีใครกำลังคิดเรื่องบ้านอยู่หรือเปล่า แล้วลองคิดกันหรือยังว่าจะเลือกระหว่างเลือก ‘เช่าบ้าน’ หรือ ‘ซื้อบ้าน’ บางคนก็บอกว่าซื้อบ้านดีกว่าเช่าบ้าน แต่บางคนก็บอกว่าซื้อบ้านใช้เงินเยอะกว่าจะผ่อนเสร็จเป็นหนี้ก้อนโต เช่าบ้านอยู่ดีกว่า แล้วจะเลือกแบบไหนดี วันนี้ ACU PAY จะพามาดูกันว่า ‘เช่าบ้าน’ กับ ‘ซื้อบ้าน’ แบบไหนดีและเหมาะกับเรามากกว่า
การเช่าบ้าน เหมาะกับคนที่ไม่มั่นใจในที่ทำงาน โยกย้ายบ่อย มีรายได้ไม่มากขนาดที่จะซื้อบ้านอยู่ ในขณะเดียวกันการซื้อบ้าน เหมาะกับคนที่มีการงานมั่นคง ไม่ได้โยกย้ายไปไหน อยู่ประจำที่เดิม มีรายได้พอสมควร
การรู้ภาระหนี้สินของตัวเอง จะช่วยให้รู้ว่าเรามีกำลังผ่อนหนี้สูงสุดได้คนละเท่าไหร่ ซึ่งถ้าอยากรู้ภาระหนี้สินของตัวเอง ให้คำนวณสูตรที่เรียกว่า Debt Service Ratio (DSR) หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ ซึ่งตามมาตรฐานของการตรวจสุขภาพทางการเงินควรผ่อนได้ไม่เกิน 40 – 45% ของรายได้ในแต่ละเดือน ถ้าเกินไปกว่านี้แสดงว่าเริ่มมีสุขภาพทางการเงินไม่ค่อยดี ใครอยากซื้อบ้านไม่ควรเกินนี้
สูตร
หนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน / รายได้ต่อเดือน x 100 = หนี้สิน %
ตัวอย่าง
นาย A มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท มีหนี้สินที่ต้องผ่อนต่อเดือน เช่น
รวมทั้งหมด 6,500 บาท
จากสูตร DSR = 6,500 / 30,000 x 100 = 21%
แสดงว่านาย A มีสุขภาพทางการเงินแข็งแรง ถ้าอยากซื้อบ้านก็สามารถทำได้เพราะยังมีภาระหนี้ไม่เกิน 40% แต่ถ้ามีหนี้เกินกว่านั้น แนะนำให้ตอนนี้เลือกเช่าบ้านไปก่อนจะดีกว่า
ถึงการซื้อบ้านจะต้องเสียเงินก้อนใหญ่เยอะในช่วงแรก แต่ข้อดีของการซื้อบ้านคือเราสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้ โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่า ผู้ที่ซื้อบ้านสามารถลดหย่อนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว แต่สำหรับเช่าบ้านจะไม่ได้รับการลดหย่อนภาษี
ข้อดีของการเช่าบ้านคือเราไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายหนี้สินก้อนโตในระยะยาว แต่การเช่าบ้านมีข้อเสียอยู่เหมือนกันนั่นก็คือ ผู้เช่าจะไม่มีสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เช่น การขายต่อเพื่อทำกำไร ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าเป็นการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
ในทางกลับกันข้อดีของการซื้อบ้านคือ เราจะมีทรัพย์สินเป็นของเราเอง ซึ่งเราสามารถปรับปรุง ต่อเติม อย่างไรก็ได้ และบ้านยังเป็นทรัพย์สินที่มีราคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี ซึ่งเราสามารถลงทุนเก็งกำไรในอนาคตได้ มีประโยชน์กับเราได้มากกว่าการเช่าบ้าน โดยเมื่อไรก็ตามที่ต้องการขายต่อด้วยราคาดีกว่าที่ซื้อมา ก็จะทำได้ทันที หรือจะเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลานก็ได้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่าทั้งการ ‘เช่าบ้าน’ หรือ ‘ซื้อบ้าน’ ต่างมีข้อดีและข้อเสีย แล้วมาลองตัดสินใจดูว่าเตัวเรานั้นเหมาะกับบ้านแบบไหนมากที่สุด