ชาไทย ที่เพื่อนๆ หลายคนชอบ ล่าสุดได้รับการจัดอันดับให้เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่อร่อยอันดับ 7 ของโลกด้วย หู้ยยยย ถือว่าชาไทยของเราโด่งดังไปทั่วโลกเลยล่ะค่ะ โดยชาไทยสีส้มที่เราคุ้นเคยกันนั้น ตอนนี้ได้รับการยอมรับในความอร่อยระดับต้นๆ ของโลกแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าต้นกำเนิดของชาสีส้มใส่น้ำแข็ง หวานเย็นชื่นใจแก้วนี้ วันนี้ เอซียู เพย์ จะเปิดประวัติชาไทยให้ทุกคนได้รู้ความเป็นมากันค่ะ
เมื่อก่อนนั้นเรียกได้ว่าการดื่มชา จะมีเฉพาะในกลุ่มชนชั้นสูง และใช้สำหรับถวายพระเป็นส่วนใหญ่ นิยมดื่มแบบไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล แต่ต่อมาคนไทยได้รับอิทธิพลวิธีดื่มชาแบบอินเดียเข้ามาด้วย จึงมีการดื่มชาแบบใส่นมและน้ำตาล โดยดื่มเป็นชาร้อนเป็นหลัก
ซึ่งในปี 2436 บริษัทเนสท์เล่ ได้เปิดตัวนมข้นหวานยี่ห้อแรกในไทย ที่ชื่อว่า นมข้นหวานแหม่มทูนหัว จึงทำให้การดื่มชาแบบใส่นม ใส่น้ำตาลเป็นที่แพร่หลายในไทยมากขึ้น และในอีก 10 ปีต่อมา ประเทศไทยมีโรงงานน้ำแข็งเกิดขึ้นแห่งแรก สามารถผลิตน้ำแข็งกินได้เอง ประกอบกับในยุคนั้นเริ่มมีร้านกาแฟโบราณเกิดขึ้นในตัวพระนครอย่างแพร่หลาย จึงทำให้ชาเย็น หรือ ชาไทยเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ทุกร้านต้องมี
เดิมทีชาเย็น หรือ ชาไทย ไม่ได้มีสีส้มจากธรรมชาติอย่างที่เข้าใจกัน เพราะเมื่อก่อนชาเย็น หรือ ชาไทยจะใช้ชาซีลอนในการชง และสีของชาซีลอนนั้นเป็นสีเบจใกล้เคียงกับสีของกาแฟมาก จึงต้องใช้การผสมสีชาให้เข้มขึ้นด้วยสีผสมอาหาร ดอกโป๊ยกั๊ก หรือเครื่องเทศเข้าไปด้วยเพื่อให้ได้สีส้มที่สวยงาม ต่อมาเมื่อร้านชาตรามือได้เอาชาแดงหรือชาดำมาชงใส่นม น้ำตาลและน้ำแข็ง จึงกลายมาเป็นชาเย็น หรือ ชาไทยที่ใช้ใบชาแดงเป็นเบสในการชงนั่นเอง
สำหรับชื่อเรียกของชาสีส้ม ที่ยังคงถกเถียงกันมาจนถึงทุกวันนี้ แยกให้ง่ายๆ ตามนี้เลยค่ะ
ส่วนชาไทย (Thai Tea) หรือ ชาไทยเย็น (Thai ice Tea) คือ ชื่อเครื่องดื่มที่ต่างชาติใช้เรียก ชาร้อนชงใส่นม ใส่น้ำตาลและน้ำแข็ง เพราะเป็นเครื่องดื่มที่หาดื่มได้ที่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ไม่ว่าเราจะเรียกด้วยชื่อไหนก็ตาม ก็ต้องยอมรับเลยว่า เจ้าชาสีส้มนี้ได้เป็นเครื่องดื่มดับร้อนที่โปรดปรานของใครหลายๆ คน และยังเป็นเครื่องดื่มประจำชาติที่ชาวต่างชาติชื่นชอบอีกด้วย อากาศร้อนแบบนี้ ขออนุญาตไปหาชาไทยเย็นๆ สดชื่นสักแก้วมาดับร้อนก่อนนะคะ บายยย