fbpx
Search
Close this search box.

เพราะโลกร้อนมากขึ้น อาจไม่มีช็อกโกแลตให้กินอีกต่อไป

ตอนนี้เอนจอยกับการกินช็อกโกแลตอันโปรดของเราเอาไว้เยอะ ๆ เพราะภายในปี 2593 หรืออีก 27 ปีข้างหน้า เราอาจไม่มีช็อกโกแลตให้กินทั่วไปแบบนี้อีกแล้ว เพราะโกโก้อาจสูญพันธุ์ไปจากโลก ซึ่งสาเหตุมาจากภาวะโลกร้อนที่ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น

รู้หรือไม่ว่า เมื่อก่อนช็อกโกแลตเคยเป็นเมนูหรูหราหายากราคาแพงของชนชั้นสูง ก่อนจะค่อย ๆ นิยมปลูกกันหลากหลายมากขึ้น จนทำให้คนทั่วไปต่างติดใจรสชาติของช็อกโกแลตมาหลายยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ขนมหวานแสนอร่อยนี้ อาจต้องกลับมามีราคาสูงอีกครั้ง เพราะต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อันเป็นผลจากสภาวะโลกร้อน 

โกโก้ (Cacao) วัตถุดิบหลักในการทำช็อกโกแลต เป็นพืชที่มีความเปราะบางอ่อนไหวต่อสภาพอากาศมาก ถ้าอากาศชื้นหรือแห้งแล้งมากเกินไป ก็จะส่งผลต่อปริมาณผลผลิต และทำให้ราคาโกโก้สูงขึ้น จากการรายงานของ CNBC ราคาของผงโกโก้พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 3,160 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 109,000 บาทต่อตันแล้วเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา และ Sergey Chetvertakov นักวิเคราะห์จากฝ่ายวิจัยของ S&P Global Commodity Insights ยังคาดการณ์ว่า ราคาเมล็ดโกโก้อาจพุ่งไปถึง 3,600 เหรียญสหรัฐต่อตันได้เลยทีเดียว

สำหรับพื้นที่ที่ปลูกโกโก้มากที่สุดในโลกนั้น อยู่ที่สาธารณรัฐโกตดิวัว หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อไอวอรี่โคสต์ และประเทศกานา ในแถบแอฟริกาตะวันตกที่ครองสัดส่วนการผลิตโกโก้ทั่วโลกมากกว่า 60% ส่วนในทวีปเอเชีย ประเทศที่ปลูกโกโก้มากที่สุดนั่นคือประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสามประเทศนี้มีสภาพอากาศและดินเหมาะกับการปลูกโกโก้อย่างมาก 

แต่ทางคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดการณ์ว่า ภายในปี 2593 หรืออีกประมาณ 28 ปีข้างหน้า ทั่วโลกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ประเทศโกตดิวัวร์ และกานา อุณหภูมิจะสูงขึ้นประมาณ 3.8 องศา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นปรากฏการณ์เอลนีโญ จะทำให้ฝนตกในแอฟริกาน้อยลง ส่งผลให้ความชื้นและไนโตรเจนในดินลดลงไปด้วย ทำให้ผลผลิตโกโก้จากแอฟริกามีปริมาณลดลงตามไปด้วยนั่นเอง 

ในหลายปีมานี้ ประเทศในโซนยุโรปก็ได้หาทางพยายามตัดต่อพันธุกรรมโกโก้ให้สามารถทนต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ซึ่งถ้าหากเทคโนโลยีนี้ทำสำเร็จจริง ก็จะสามารถนำไปใช้แก้ไขพันธุกรรมพืชผลที่ใกล้สูญพันธุ์อื่น ๆ และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาหารทั่วโลก ที่เกิดจากความแห้งแล้งและภาวะโลกร้อนได้เช่นกัน 

แต่ต้นเหตุหลักที่เรามองข้ามนั่นก็คือปัญหาสภาวะโลกร้อนที่เพิ่มสูงมากขึ้นทุกปี บางทีอีกหนึ่งทางออกที่สามารถช่วยโลกเอาไว้อีกแรง คือการหันกลับมาใส่ใจการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อให้โกโก้สามารถกลับมาเติบโตสร้างผลผลิตอย่างที่ควรจะเป็นต่อไปได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่