fbpx
Search
Close this search box.

ทำความรู้จักกับ 4 สาวงามแห่งแผ่นดินจีน

ผู้หญิงกับความงามเป็นของคู่กันอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ หลายคนคงรู้จักและเคยได้ยินชื่อของสาวงามที่เป็นที่รู้จักในยุคประวัติศาสตร์จีนกันแล้วใช่มั้ยคะ เรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีนว่าความงามของพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก วันนี้เอซียูเพย์ จะพาไปทำความรู้จักกับ 4 สาวงามแห่งแผ่นดินจีนกันค่ะ ว่าพวกเขาใช้ความงามความงามนั้นทำอะไรเพื่อบ้านเมืองได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย

เนื้อหา

1. ไซซี (西施)

คาดว่าเกิดในช่วงประมาณ 770-476 ปีก่อนคริสตกาล ตรงกับยุคชุนชิว ที่มณฑลเจ้อเจียง ในแคว้นเยว่ มีความสามารถในการร่ายรำความสวยของไซซีได้รับการเล่าลือตั้งแต่เด็กแล้ว ความสวยของเธอนั้นธรรมชาติ เล่าลือกันว่าเธอสวยขนาดเวลาไปซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ ปลาทั้งหลายที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำได้เห็นความสวยของไซซี มัวแต่ชมความงามของเธอ จนลืมว่ายน้ำจนเป็นเหตุให้จมสู่ก้นแม่น้ำ โดยไซซี ได้รับฉายาว่า “มัจฉาจมวารี”

ไซซีเป็นเครื่องบรรณาการที่รัฐเยว่ ส่งให้อู๋อ๋องฟูไซแห่งรัฐอู๋รับไว้ จนเกิดความลุ่มหลงและละเลยการดูแลบ้านเมือง ต่อมา 13 ปีให้หลัง รัฐอู๋ก็ล่มสลาย โดยอ๋องโกวเจี้ยนก็สามารถรบชนะ และ ครอบครองรัฐอู๋ที่แข็งแกร่งกว่าได้สำเร็จ

ถึงแม้ว่า ไซซี จะงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ แต่ยังคงมีจุดด้อยในความงามนั้นเช่นกัน นั่นก็คือ เท้าใหญ่ แต่เธอฉลาดแก้ไข โดยการสวมกระโปรงยาว คลุมไม่ให้เห็นเท้า ใส่เกี๊ยะไม้ไม่ให้กระโปรงลากพื้น จึงดูสวยสง่าเหมือนผู้หญิงสมัยนี้ใส่ชุดราตรีกับรองเท้าส้นสูง

เกร็ดความรู้ : ที่ว่า ‘เท้าใหญ่’ นั้นอาจหมายถึงเท้าขนาดปกติ เพราะว่าในสมัยก่อน ผู้หญิงชาวจีนที่เป็นชนชั้นสูงนั้น มีการรัดเท้าเพื่อให้ดูเล็กกว่าปกติ โดยการรัดเท้านั้นจะรัดไว้ตั้งแต่เด็ก ทำให้เท้าไม่เติบโต แต่ไซซีนั้นตามประวัติแล้ว เป็นหญิงชาวบ้านมาก่อน จึงไม่มีการรัดเท้า เพราะการรัดเท้าจะทำให้ไม่สามารถเดินได้ปกติ แต่ต้องมีคนช่วยพยุง หรือเดินได้ในระยะสั้นไม่สามารถเดินได้ไกล ดังนั้นชาวบ้านที่ต้องทำงานหนักนั้นจึงไม่นิยรัดเท้านั่นเอง

2. หวังเจาจวิน (王昭君)

หวังเจาจวิน มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรี คือผีผา เดิมทีหวังเจาจวินเป็นนางกำนัลในวังหลวง ที่ฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นส่งไปให้เผ่าซงหนู เพื่อกระชับสัมพันธ์ไมตรี แล้วในที่สุดหวังเจาจวินก็กลายเป็นภรรยาคนโปรดของ หู ฮันเซีย และอุทิศตนเองอาศัยอยู่ที่นั่นจนสิ้นชีวิต ทำให้แผ่นดินจีน และเผ่าซงหนูมีความสัมพันธ์ที่ดียาวนานถึง 60 ปี โดยหวังเจาจวิน ได้รับฉายาว่า “ปักษีตกนภา”ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่ฝูงนกยังต้องร่วงหล่นจากท้องฟ้า” ซึ่งหมายถึงเมื่อครั้งเดินทางไปแดนซุงหนู นกบนฟ้าเอาแต่จ้องมองเธอลืมขยับปีกจนตกลงมา

หวังเจาจวินมีจุดด้อยในความงามนั้นเช่นกัน นั่นก็คือ ไหล่ทั้งสองข้างสูงต่ำไม่เท่ากัน และเพื่อแก้ปัญหาไหล่ตก หวางเจาจวินจึงใช้ผ้าคลุมไหล่ ที่มีลวดลายสีสันของผ้ามาเสริมให้ดูงดงาม ซึ่งเป็นวิธีอำพรางจุดด้วยของหวังเจาจวิน

3. เตียวเสียน (貂蟬)

“เตียวเสียน” มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เตียวฉาน มีความสามารถในการฟ้อนรำเป็นเลิศ โดยเตียวเสียนต่างจากสาวงามทั้งสามคน เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันการมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน เป็นเพียงตัวละครที่คาดว่า ถูกสมมุติขึ้นมาในเรื่องสามก๊ก ซึ่งมีเนื้อเรื่องอ้างอิงมาจากเหตุการณ์ช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ในยุคสามก๊ก 

โดยในเนื้อหาในเรื่องสามก๊กนั้น พ่อแม่ของเตียวเสียนเป็นข้ารับใช้ และเสียชีวิตตั้งแต่เตียวเสียนยังเด็ก อ้องอุ้นจึงรับมาอุปการะเลี้ยงเอาไว้ จนเตียวเสียนอายุ 16 ปี และได้อาสาที่จะช่วยอ้องอุ้น ที่กำลังกลุ้มเรื่องการศึกอยู่

อ้องอุ้นเห็นความงามของเตียวเสียน จึงได้วางแผนให้เตียวเสียนใช้มารยาหญิงทำให้ตั๋งโต๊ะและลิโป้แตกคอกัน จนฆ่ากันเองในที่สุด โดยจะยกเตียวเสียนให้ลิโป้ก่อน แล้วจึงยกให้ตั๋งโต๊ะ โดยบอกแก่ลิโป้ว่าจะยกเตียวเสียนให้แต่งงานเป็นภรรยาลิโป้ แต่ยังไม่ถึงวันแต่งงาน อ้องอุ้นกลับส่งเตียวเสียนไปปรนนิบัติ กลายเป็นสตรีของตั๋งโต๊ะ ทำให้ลิโป้โมโหมาก จนแตกหักกับบิดาบุญธรรมอย่างตั๋งโต๊ะ ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่อ้องอุ้นวางไว้ทุกประการ

เตียวเสียนมีฉายาว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา” ซึ่งหมายถึง ความงามที่ทำให้แม้แต่ดวงจันทร์ยังต้องหลบเลี่ยงให้ เล่ากันว่า เมื่อคราวออกมาไหว้พระจันทร์ รำพึงถึงบ้านเมือง ฉางเอ๋อร์ (เทพีบนดวงจันทร์) เห็นความงามนางยังอายจนต้องหลบเข้ากลีบเมฆ

เตียวเสียนมีจุดด้อยในความงามนั้นเช่นกัน นั่นก็คือ ติ่งหูสั้นเล็กผิดปกติ และเพื่อแก้ไขจุดด้อยดังกล่าว เตียวเสียนจึงใส่ตุ้มหูหยก และเลือกรูปทรงตุ้มหูเพื่อช่วยอำพรางสายตา ทำให้ติ่งหูที่ดูสั้นก็ดูสมส่วนขึ้นมา

4. หยางกุ้ยเฟย (杨贵妃)

สาวงามคนสุดท้าย คือ “หยางกุ้ยเฟย” เป็นพระสนมเอกในจักรพรรดิถังเสวียนจง แห่งราชวงศ์ถัง มีความสามารถในทางดนตรีขับร้องและฟ้อนรำ ด้วยความที่ฮ่องเต้ลุ่มหลงหยางกุ้ยเฟยจนลืมบริหารบ้านเมือง และด้วยอิทธิพลของหยางกุ้ยเฟย ทำให้ญาติของพระนางขึ้นมามีบทบาทในราชสำนัก  ภายหลังจึงเกิดการกบฏขึ้น ฮ่องเต้ได้มีพระบรมราชโองการให้สำเร็จโทษหยางกุ้ยเฟยโดยการแขวนคอ ซึ่งเป็นการปิดตำนานสาวงามอย่างหยางกุ้ยเฟยไว้เพียงเท่านั้น

หยางกุ้ยเฟย มีฉายาว่า “มวลผกาละอายนาง” ซึ่งหมายถึง “ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย” มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งขณะอยู่ในวัง หยางกุ้ยเฟยได้ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ ได้มองเห็นดอกโบตั๋นและกุหลาบจีนที่กำลังบานสะพรั่ง แล้วคิดถึงชีวิตตนเองที่ถูกกักอยู่ในวังหลวง หยางกุ้ยเฟยร้องไห้และลูบดอกไม้นั้น เมื่อแตะถูกกลีบดอกไม้กลีบนั้นก็หุบลง (แต่ใครจะคิดว่าต้นไม้ที่หยางกุ้ยเฟยลูบนั้นคือต้นนางอาย) นางกำนัลคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์นี้เข้า จึงนำไปเล่าลือว่าหากหยางกุ้ยเฟยเทียบความงามกับดอกไม้แล้ว ดอกไม้ยังต้องละอายก้มลงให้แก่นาง……..

หยางกุ้ยเฟยมีจุดด้อยในความงามนั้นเช่นกัน นั่นก็คือ กลิ่นตัวแรง ที่กลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของคนทั่วไป เธอจึงแก้ไขปัญหาด้วยด้วยการลงอาบน้ำในธารหอมหัวชิง อบเสื้อผ้า และใช้แป้งหอมประทินกลบกลิ่นตัว จุดด้อยของหยางกุ้ยเฟยกลายเป็นจุดเด่น เพราะทำให้เธอมีกลิ่นหอม จนกลายเป็นคำชมที่ว่า “มวลผกาละอายนาง” นั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ…กับ 4 สาวงามแห่งแผ่นดินจีน ความงามที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองพลิกผัน ที่ทางเอซียูเพย์ นำมาฝากกันในวันนี้ 

4 สาวงามนี้ได้ให้แง่คิดอะไรกับเราอย่างหนึ่งเลยนะคะคือ ไม่ว่าเราจะสวยหรือมีสิ่งที่เพอร์เฟคขนาดไหน ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่เสมอ

ผู้เขียน

ACU PAY Thailand

ACU PAY Thailand

ให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นวันดีๆ ไปกับเรา MAKE A GREAT DAY WITH ACU PAY

บทความที่เกี่ยวข้อง

เพื่อนๆ สามารถติดตาม ACU PAY Thailand ผ่านช่องทางการติดตามอื่นๆ ได้ที่