Money Dysmorphia พฤติกรรมเก็บเงินจนเครียด

ใครที่กำลังประสบปัญหาตั้งใจเก็บเงิน แต่เก็บไปเก็บมากลับรู้สึกว่า เงินนั้นไม่เพียงพอ อยากเก็บขึ้นให้เยอะกว่าเดิม แต่พอถึงเวลาใช้ กลับไม่กล้าใช้ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเรากำลังอยู่ในภาวะ “Money Dysmorphia” หรือ “อาการเก็บเงินจนเครียด” ซึ่งมุมมองการเงินแบบนี้จะส่งผลอะไรกับเราอย่างไรบ้าง เดี๋ยว ACU PAY จะเล่าให้ฟัง

ทำความรู้จัก Money Dysmorphia คืออะไร

Money Dysmorphia มาจากคำ Dysmorphia ที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับผู้ที่มีภาวะความคิดหมกมุ่น ครุ่นคิดแต่เรื่องเดิม ๆ หรือไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง

ซึ่ง Money Dysmorphia ก็เป็นภาวะคล้าย ๆ กันตรงที่ ผู้ที่เป็นภาวะนี้จะมักตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินจนเครียด กังวล พอมีเงินก็ไม่ยอมใช้ซื้อความสุข รู้สึกว่าไม่พอ อยากประหยัด อยากมีเงินเก็บอีกเยอะ ๆ

สาเหตุของภาวะ Money Dysmorphia

ภาวะ Money Dysmorphia มักจะเกิดกับคนที่มีเงินเก็บเพียงพออยู่แล้ว แต่กลับไม่ยอมใช้จ่ายเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเอง เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานะทางการเงินแม้ว่าจะมีเงินเก็บมากพออยู่แล้ว ซึ่งสาเหตุหลักของภาวะดังกล่าวสามารถแบ่งได้ดังนี้

กังวลกับสถานะทางการเงิน มีความกังวลกับสถานะทางการเงินในอนาคต เช่น กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแล้วจะมีเงินใช้ไม่เพียงพอ ทั้งที่ตัวเองนั้นมีเงินเก็บสำรองในส่วนนี้มากพอแล้ว
กดดันตัวเองมากเกินไป กดดันเรื่องการเงินมากเกินไปจนทำให้ไม่กล้าที่จะใช้เงินซื้อความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง โดยจะซื้อเพียงของที่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่น อาหาร ยารักษาโรค เป็นต้น
มีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเงินในอดีต ไม่ว่าจะเป็น เคยเป็นหนี้สินจำนวนมาก หรือในวัยเด็กมีชีวิตที่ยากจน และใช้ชีวิตในครอบครัวที่ยากลำบากมาก่อน เป็นต้น

ผลกระทบของภาวะ Money Dysmorphia

อาการนี้ยังส่งผลให้คนที่เป็นไม่กล้าใช้จ่าย หรือซื้อของดี ๆ มีประโยชน์ให้กับตัวเอง รวมถึงไม่กล้าที่จะใช้เงินไปสังสรรค์กับเพื่อน จนเกิดเป็นความเครียด สะสมเกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจได้เช่นกัน

ถ้ามีอาการ Money Dysmorphia ต้องทำอย่างไร

จริง ๆ แล้ว Money Dysmorphia ไม่ใช่ภาวะที่น่ากลัว ถ้าเรารู้จักการรับมือด้วยการ มีการวางแผนการเงินที่ดี เช่น กำหนดเป้าหมายให้ชัด หรือเมื่อมีเงินสำรองแล้วอย่างน้อย 3-6 เดือน ก็อาจจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเพื่ออนุญาตให้ตัวเองใช้จ่ายเป็นรางวัลได้บ้าง อาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการเงิน หรือเข้ารับการบำบัดโดย จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เพื่อช่วยให้อาการของเราดีขึ้น และมีความสุขกับปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าการมีเป้าหมายในการเก็บเงินจะเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เรามีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เราที่กำลังตั้งใจทำงานเก็บเงิน ก็ต้องการความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อมาเติมเต็มจิตใจเหมือนกัน ซึ่งอะไรที่ตึงมากเกินความพอดี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ ดังนั้นการยืดหยุ่นในการใช้จ่ายเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย

อ้างอิงจาก