ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาสินทรัพย์ดิจิตอล (Digital asset)ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และค่อนข้างที่จะมีมูลค่าพอสมควร หนึ่งในนั้นที่มาแรง และเป็นกระแสอยู่คือ NFT ซึ่งเราจะคุ้นเคยกันดีว่าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะในรูปแบบดิจิตอล ที่ไม่แพงแค่เก็บความสวยงาม แต่ยังเก็บมูลค่าไว้มากมาย เรามาลองดูกันครับว่า เพราะอะไร NFT ถึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน และยังมีอุปสรรคอะไรบ้างที่กำจัดการเติบโตของ NFT
” NFT ย่อมาจากคำว่า Non-fungible tokens ” ซึ่งแปลความหมายคร่าวๆ ได้ว่า “โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนได้” จัดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งซึ่งสามารถใช้รับรองความถูกต้อง (Certificate of authenticity) และพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ (Proof of ownership) หรือให้สิทธิในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาทางดิจิทัล (Digital content) อาทิ รูปภาพ ภาพถ่าย ดนตรี หรือสินทรัพย์ทางกายภาพ (Physical asset) เช่น ที่ดิน หรืออาจกล่าวได้ว่า NFT ทำหน้าที่เหมือนหนังสือเอกสารสิทธิ์ที่อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัล
นอกจากนี้ NFT แต่ละโทเคนมีลักษณะเฉพาะซึ่งแตกต่างจากโทเคนอื่น ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทดแทนด้วยโทเคนอื่นหรือแบ่งแยกเป็นหน่วยย่อยได้ แต่สามารถซื้อขายและระบุเงื่อนไขสัญญา/ ข้อตกลงบน Smart contract[2] ได้
โดย NFT จะทำการบันทึกลักษณะเฉพาะของโทเคนนั้นๆ บนเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งตั้งอยู่บนเทคโนโลยี DLT (Distributed Ledger Technology) ทำให้ทุกคนในระบบสามารถเห็นข้อมูลและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลนั้นได้
จากงานวิจัยกรุงศรีเผยแพร่รายงาน Research Intelligence สรุปปัจจัยที่ผลักดันมูลค่าของ NFT เป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ ดังนี้
จากงานวิจัยกรุงศรีเผยแพร่รายงาน Research Intelligence สรุปปัจจัยที่ทำให้ NFT ยังใช้ในวงจำกัดอยู่ ดังนี้
เนื่องจากแพลทฟอร์ม NFT ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีขั้นตอนการทำความรู้จักลูกค้า (Know-your-customer: KYC) น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เช่น แพลทฟอร์ม OpenSea ตรวจสอบลูกค้าผ่านเงื่อนไขการมีกระเป๋าเงิน Ethereum (Ethereum wallet) เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูลอื่นเพิ่มเติมเลยหากต้องการขาย NFT และรับค่าตอบแทนเป็นเงินคริปโต นอกจากนี้ การซื้อขายดังกล่าวทำบนเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้ทั้งคนซื้อและคนขายไม่สามารถระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้และไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินตลอดจนการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ที่ซื้อขายว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ อีกทั้งข้อกฎหมายและกฎระเบียบปัจจุบันยังเข้าไม่ถึงตลาด NFT หน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศจึงกังวลว่าจะอาจมีการใช้ตลาดซื้อขาย NFT เป็นแหล่งฟอกเงิน ทั้งนี้ในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องกำหนดให้ผู้ซื้อและผู้ขาย NFT ต้องทำ KYC เบื้องต้น อย่างการระบุ ชื่อ-นามสกุลจริงของผู้ซื้อและผู้ขาย การพิสูจน์แหล่งที่มาของเงิน และเอกสารต่างๆ ก่อนที่การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้น ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้อาจขัดกับหลักการกระจายศูนย์ของตลาด NFT ได้
เมื่อตลาด NFT เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ประเด็นเรื่องความปลอดภัยของการซื้อขายบนตลาด NFT ตลอดจนการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่แท้จริงย่อมเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในการถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตไปซื้อ NFT และโอน NFT นั้นออกไปจากบัญชีผู้ซื้อ การขโมย NFT โดยตรง การเลียนแบบ NFT ต้นฉบับ หรือการนำสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ของตัวเองมาสร้าง NFT โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ เป็นต้น ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเหล่านี้จึงยังเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งที่ต้องแก้ไขก่อนที่จะมีการใช้ NFT อย่างแพร่หลาย
แนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นไปได้หลากหลายวิธี เช่น
NFT ทำหน้าที่เหมือนโฉนดที่ดินหรือใบกรรมสิทธิ์ ซึ่งในโลกความเป็นจริง โฉนดที่ดินหรือใบกรรมสิทธิ์ไม่ใช่สินทรัพย์ แต่เป็นเพียงหลักฐานที่ระบุสิทธิ์ให้คนที่มีชื่อบนโฉนดที่ดินหรือใบกรรมสิทธิ์นั้นมีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์นั้นๆ ตามที่ระบุไว้ แม้ว่า NFT บางโปรเจคจะให้สิทธิ์ในสินทรัพย์จริงอย่างที่ดินหรือสินค้าอื่นๆ แก่ผู้ครอบครอง NFT แต่ในปัจจุบัน NFT ส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีกฎหมายรองรับ การจะถือครองสิทธิ์ในสินทรัพย์จริงผ่าน NFT จึงไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย แต่เป็นเพียงข้อตกลงที่ไม่เป็นทางการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น จึงยากที่จะบังคับใช้ในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ การซื้อขายข้ามพรมแดนอยู่ภายใต้กฎหมายที่มีการกำหนดสิทธิ์ที่แตกต่างกัน การซื้อขายดังกล่าวผ่าน NFT จึงต้องอาศัยความร่วมมือและมาตรฐานระหว่างประเทศที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา อีกประเด็นที่มีการกล่าวถึงคือการตรวจสอบสิทธิ์ความเป็นเจ้าของใน NFT ในปัจจุบันก็ยังทำได้จำกัดแม้กระทั่งภายในแพลตฟอร์ม NFTM เดียวกัน ความเสี่ยงของผู้ซื้อจึงขึ้นอยู่กับความปลอดภัยและเสถียรของแพลตฟอร์มนั้นๆ
NFT ส่วนใหญ่ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ใช้ต้องมีกระเป๋าเงินคริปโตจึงจะสามารถซื้อขาย NFT ได้ ในขณะเดียวกันศิลปินหรือผู้สร้าง NFT จำเป็นต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับบล็อกเชนเพื่อสามารถตัดสินใจกำหนดคุณลักษณะต่างๆ ของ NFT ที่จะสร้างได้ เช่น จะสร้าง NFT บนบล็อกเชนใด จะเลือกมาตรฐานของโทเคนแบบไหน จะระบุสัญญาอย่างไร หรือจะเลือกรับเงินในสกุลใด เป็นต้น ทำให้ผู้ใช้ ณ ขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่คุ้นเคยและเข้าใจเกี่ยวกับเงินคริปโต และคุ้นเคยกับการใช้แอปพลิเคชันแบบไม่มีตัวกลาง หรือ DApps (Decentralized applications) อยู่แล้ว กลุ่มผู้ใช้ในปัจจุบันจึงกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มคนหัวก้าวหน้า (Early Adopters) หรือกลุ่มเฉพาะที่มีเป้าหมายร่วมกันเท่านั้น ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจยังไม่เข้าใจหรือไม่เชื่อถือในเทคโนโลยีหรือประโยชน์ที่จะได้จากการถือครอง NFT อย่างไรก็ตาม ผู้สร้าง NFT พยายามจะบรรเทาปัญหานี้ด้วยการออกแบบแพลตฟอร์มให้ง่ายต่อการใช้ และเพิ่มประสบการณ์ที่ดี (User Experience: UX) ให้แก่ผู้ใช้งานเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในระบบ เช่น Nifty Gateway อนุญาตให้ซื้อ NFT ได้ด้วยการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือ OpenSea ที่เพิ่งเปิดให้ผู้ซื้อสามารถชำระค่า NFT ด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ Apple Pay ได้ เพื่อตัดกระบวนการเกี่ยวกับการถือครองเงินคริปโตออกไป
อย่างไรก็ตามโลกของเราพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อนๆ คาดว่าเมื่อเราสามารถที่จะเข้าไปอยู่ในโลกดิจิตอลได้เหมือนโลกปกติ การใช้ชีวิต หรือแม้แต่การสร้างหรือซื้อสินทรัพย์ดิจิตอลของเราจะเป็นอย่างไรบ้างครับ
Reference : โลกของ NFTs กับบทบาทของธนาคาร
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional" |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other". |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |