แน่นอนว่าเรารู้จักกันดีอยู่แล้วว่า e-Payment คือ การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน QR Code แต่เราสามารถใช้ได้แค่ในประเทศ ไม่สามารถใช้ในต่างประเทศได้ ประเทศไทยและเพื่อนบ้านในอาเซียนเองได้เล็งเห็นถึงช่องว่างและได้ดำเนินโครงการการเชื่อมโยงการชำระเงินในอาเซียน (ASEAN Payment Connectivity) เพื่อให้สามารถชำระเงินข้ามประเทศได้โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ และในระยะแรกนี้เองบริการ Cross-Border QR Payment เป็นหนึ่งในบริการที่จะช่วยให้เราสามารถชำระเงินข้ามประเทศได้
Cross-Border QR Payment คือ บริการสำหรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และผู้ที่ต้องการชำระเงินค่าสินค้าและบริการให้ร้านค้าในต่างประเทศ ด้วยการสแกน QR Code ผ่านโมบายแบงก์กิ้งซึ่งเริ่มจากธนาคารกรุงเทพ ส่วนธนาคารและสถาบันการเงิน (non-bank)กำลังเตรียมให้บริการ ซึ่งในระยะแรก สามารถสแกนจ่ายให้ร้านค้าในประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย เท่านั้น โดยสังเกตสัญลักษณ์ ดังนี้
นางพรนิจ ตุลย์วัฒนจิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน อาจยังเป็นข้อจำกัดสำคัญในการเดินทางท่องเที่ยวหรือติดต่อธุรกิจ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ดังนั้น บริการ Cross-Border QR Payment อาจจะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้เฉพาะกลุ่ม เช่น ชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย หรือชาวไทยที่ทำงานในอินโดนีเซีย รวมถึงกรณีการสั่งซื้อสินค้าข้ามประเทศผ่านระบบออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง คาดว่าการเดินทางและการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคจะเริ่มฟื้นตัวกลับมา โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญหรือเมืองเศรษฐกิจ และเชื่อมั่นว่าบริการ Cross-Border QR Payment จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากสอดคล้องกับพฤติกรรม New Normal ที่ลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ และหันมาทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
จากข้อมูลของ ธปท.เผยว่า การให้บริการชำระเงินด้วย QR Code จะช่วยรองรับธุรกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์การเดินทางกลับสู่ภาวะปกติ เพราะในปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างเวียดนามกับไทยมีสูงถึง 1.5 ล้านคน ด้วยบริการนี้ผู้ใช้บริการสามารถใช้ smartphone ชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR Code ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและภูมิภาค
การใช้บริการโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ สแกน QR Code ชำระเงินค่าสินค้าและบริการของร้านค้าในต่างประเทศ มีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานการชำระเงิน เช่น
ไม่แตกต่างกัน เพียงแต่การชำระเงินค่าสินค้าและบริการของร้านค้าในต่างประเทศ ธนาคารจะแปลงมูลค่าสินค้าและบริการ จากสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะที่ทำรายการ ก่อนหักเงินจากบัญชี